“ศุภาลัย” ยิ่งวิกฤตยิ่งแกร่ง ลงทุน 4.6 หมื่นล้าน-ลุยคอนโด First Jobber

<p></p><p>แปลกแต่จริง ค่ายศุภาลัยยิ่งมีวิกฤตเศรษฐกิจ ผลประกอบการยิ่งแข็งแกร่ง</p><p> หากมองจากมุมตลาดรวมที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลปี 2567 ที่คาดการณ์โครงการเปิดตัวใหม่ติดลบ -40% แล้วย้อนกลับมาดูแผนปี 2568 อาจเปิดน้อยลงแต่ก็ยังถือว่ามากโขอยู่ มูลค่าโครงการใหม่อยู่ที่ 46,000 ล้านบาท แสดงถึงความแข็งแกร่งจากภายใน</p><p> เรื่องที่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่กระตุกต่อมอิจฉาของคู่แข่ง ศุภาลัยบอกว่าปีนี้จะหันมาบุกสินค้าคอนโดมิเนียมอย่างเอิกเกริก 8 โครงการ มูลค่ารวม 12,830 ล้านบาท ท่ามกลางบรรยากาศคอนโดฯ แต่ละห้องขายยากขายเย็น แถมกดต้นทุนราคาเฉลี่ยต่ำแสนบาท/ตารางเมตร บนทำเลแนวรถไฟฟ้า บางโครงการคอนเฟิร์มมาแล้วว่าใกล้สถานีอีกต่างหาก</p><p> ธีมธุรกิจปีนี้จึงนำเสนอ Supalai Future Proof 2025 เพราะ “…เราพรูฟแล้วไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม สถานะการเงินที่แข็งแรง มองว่าใช้โอกาสที่แนวโน้มปีนี้ซัพพลายใหม่เปิดตัวไม่เยอะนัก แต่ดีมานด์ที่ยังเห็นชัดเจน ทำให้มั่นใจเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ และกินส่วนแบ่งตลาดได้ดีขึ้น”</p><p> ยกระดับสู่บริษัทข้ามชาติ</p><p> โดย CEO “ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) อัพเดตพอร์ตอสังหาริมทรัพย์รวมปีนี้ 97,876 ล้านบาท มีอัตราหนี้หรือ Net Gearing 51% หมายความว่ามีส่วนผู้ถือหุ้นมากที่สุดในกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหุ้นอยู่ที่ 52,929 ล้านบาท ต้นทุนการเงินขยับจาก 2.2% มาเป็น 2.97%</p><p> แต่ก็ยังต่ำที่สุดในขณะนี้ เครดิตสกอริ่งสถิติอยู่ที่ระดับ A ต่อเนื่องสิบปีตั้งแต่ปี 2557-2567 บาลานซ์แหล่งระดมทุนอย่างละครึ่ง/ครึ่งระหว่างการออกหุ้นกู้ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% (เฉลี่ยออกหุ้นกู้ปีละ 8,000 ล้านบาทบวกลบ) กับการใช้สินเชื่อโปรเจ็กต์โลนจากแบงก์ มีอัตราหนี้ต่อทุน 0.85 เท่า โดยมีกำไรสุทธิ 4,201 ล้านบาท ณ งวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2567)</p><p> “ต้นทุนการเงิน 2.97% เทียบกับเรตเอ็มแอลอาร์เฉลี่ยที่ 6% แสดงว่าถ้าเงินกู้ 10,000 ล้านบาท ศุภาลัยมีต้นทุนดอกเบี้ยถูกกว่าคู่แข่ง 300 ล้านบาท ถ้ากู้ 20,000 ล้านบาทก็เท่ากับประหยัดค่าดอกเบี้ย 600 ล้านบาท บวกกับกลยุทธ์เรื่องแบรนด์ เราใช้แบรนด์ศุภาลัยทุกโครงการทั้งบ้านและคอนโดฯ ทำให้ประหยัดงบฯการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อีกเฉลี่ย 300-500 ล้านบาท เทียบกับคู่แข่งที่แตกแบรนด์ออกมาจำนวนมาก และไม่ได้ใช้ชื่อบริษัทมาตั้งชื่อแบรนด์ จึงจำเป็นต้องใช้งบฯการตลาดที่มากกว่า”</p><p> จุดเน้นอยู่ที่พอร์ตลงทุนรวมในประเทศ บวกกับต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จเกินต้านในออสเตรเลีย ทำให้ปี 2568 ประกาศยกระดับศุภาลัยในการก้าวสู่การเป็นบริษัทข้ามชาติ (Multinational Company) อย่างเต็มตัว เบ็ดเสร็จตามแผนลงทุนปีนี้ จะมีโครงการระหว่างพัฒนารวมเกือบ 300 โครงการ แบ่งเป็นการลงทุนอสังหาฯในออสเตรเลีย 24 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 185,500 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนของศุภาลัย 22,300 ล้านบาท ผลงานปี 2567 มียอดขายเติบโต 49% จากปี 2566 แผนปี 2568 ประกาศเปรี้ยงเดียวด้วยเป้าโตเพิ่ม 100%</p><p> พอร์ตลงทุนในประเทศ ตั้งงบฯจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท เพื่อขยายการพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ย้ำความเป็นเจ้าตลาดในภูมิภาคซึ่งพัฒนาแล้ว 30 จังหวัด ปีนี้เพิ่มจังหวัดใหม่ “ลพบุรี สุพรรณบุรี เกาะสมุย” ยังไม่นับรวมแลนด์แบงก์บนทำเลถนนอุทยานซึ่งเป็นถนนสวยที่สุดในอาเซียน โซนสุขุมวิท 39 ภูเก็ต รวมทั้งคว้าที่ดินผืนใหญ่ 200 ไร่ ติดดรีมเวิลด์ ย่านรังสิต คลอง 2</p><p> เป้ายอดขาย 3.2 หมื่นล้านโต 20%</p><p> ถัดมา “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ ศุภาลัย เปิดข้อมูลปี 2567 เปิดตัว 41 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 52,380 ล้านบาท มียอดขายรวม 26,743 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านแนวราบ 37 โครงการ อยู่ใน กทม.-ปริมณฑล 16 โครงการ, ต่างจังหวัด 21 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ</p><p> ปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 32,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,257 ล้านบาท หรือเพิ่ม 20% ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 30,000 ล้านบาท โดยวางแผนเปิดตัว 36 โครงการใหม่ แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 28 โครงการ คอนโดฯ 8 โครงการ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท ลดลง 6,380 ล้านบาท หรือลดลง -12%</p><p> อำนาจการแข่งขันของศุภาลัยดูได้ 2 จุดหลัก คือ คอนโดฯใหม่ ถึงแม้จะมีเสียงบ่นสินค้าคอนโดฯโอเวอร์ซัพพลาย จนทำให้มีการเปิดคอนโดฯใหม่ในปี 2567 ต่ำสุดในรอบสิบปี แต่ศุภาลัยเปิดมุมมองแบบเหรียญอีกด้านว่า สาเหตุที่กล้าเดินหน้าตลาดคอนโดฯ เพราะต้นทุนราคาที่ดินปีนี้ใกล้เคียงกับ 5 ปีที่แล้ว ราคาวัสดุหลักทั้งเหล็กกับปูนก็ถูกแช่แข็ง นั่นหมายความว่าทำคอนโดฯ เปิดขายปี 2568 มีต้นทุนใกล้เคียงปี 2562-2563 ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นโควิด</p><p> คอนโดฯศุภาลัยปีนี้ 5 แห่งอยู่ในเมืองกรุง อีก 3 แห่งโยนซัพพลายเติมในพัทยา 2 โครงการ ภูเก็ตอีก 1 โครงการ คีย์นัมเบอร์อยู่ที่กลยุทธ์การแข่งขันนำเสนอราคาต่ำแสนบาท/ตารางเมตร ซึ่งเป็นโมเดล Value for Money สำหรับผู้ซื้อ เพราะเทียบราคาตัวต่อตัว แบรนด์ชนแบรนด์ ทำเลชนทำเล ศุภาลัยมั่นใจว่านำเสนอราคาที่อยู่อาศัยได้ถูกกว่าคู่แข่ง 15-20%</p><p> ขณะที่บ้านแนวราบปีนี้เน้นกำลังซื้อลูกค้าเอื้อมถึงได้ เจาะกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มการลงทุนในที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อสร้างคอมมิวนิตี้แห่งการอยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ทีเด็ดน่าจะเป็นการเพิ่มระยะเวลารับประกัน โดยคอนโดฯเดิมรับประกันโครงสร้าง 5 ปี เพิ่มเป็น 10 ปี ส่วนควบจากเดิม 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี และบ้านจัดสรรจากเดิมรับประกันส่วนควบ 1 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี นำร่องที่คอนโดฯศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย-พัฒนาการ, ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์ และบ้านแนวราบ ศุภาลัย เอสเซ้นส์ บางนา-สุวรรณภูมิ</p><p> บุกหนักเมืองรอง-ราคา 10 ล้าน</p><p> ขณะที่อำนาจการแข่งขันศุภาลัยต้องนับรวมสตอรี่การลงทุนในต่างจังหวัด โดยแผนลงทุนใหม่ปีนี้ 46,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนโซนเมืองกรุง 26,220 ล้านบาท (บ้าน 15,890 ล้านบาท คอนโดฯ 10,330 ล้านบาท) สัดส่วน 57% พอร์ตต่างจังหวัด 19,780 ล้านบาท (บ้าน 17,280 ล้านบาท คอนโดฯ 2,500 ล้านบาท) สัดส่วน 43% ซึ่งมีโอกาสที่พอร์ตลงทุนต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนครึ่ง/ครึ่งเทียบกับโซนเมืองกรุง …อีกไม่นาน อีกไม่นาน</p><p> ถอดรหัสพอร์ตลงทุนต่างจังหวัดมีจุดเน้นขยายตัวเข้าเมืองรอง เป็นสปริงบอร์ดด้านรายได้หลักของบริษัท หลังจากยึดกุมพื้นที่เมืองหลัก ทางศุภาลัยเข้าไปบุกเมืองรองตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว อาทิ พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำพูน ลำปาง เชียงราย สุราษฎร์ธานี จันทบุรี ประจวบฯ ฯลฯ โดยเพิ่มตัวชี้วัดจากจำนวนประชากร รายได้ต่อหัวซึ่งวัดจาก GPP (เทียบกับ GDP ประเทศ) และประเมินเบื้องต้นจากจำนวนสาขาแบงก์ ห้างค้าปลีกอย่างโรบินสัน โลตัส บิ๊กซี เมืองที่มีมหาวิทยาลัย สนามบินและสนามบินนานาชาติ น่าสนใจว่าเมืองรองเหล่านี้มีกำลังซื้อบ้าน 10 ล้านบาทซุกซ่อนอยู่</p><p> “ตลาดต่างจังหวัดต้องบอกว่า ปีนี้ศุภาลัยลงทุนแอ็กเกรสสีฟพอสมควร มูลค่าโครงการเกือบ 20,000 ล้านบาท ในขณะที่เทรนด์ปี 2568 ตลาดรวมอสังหาฯไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว ทั้งซัพพลายใหม่เข้าตลาดมีค่อนข้างน้อย กลยุทธ์ลงทุนแบบแอกเกรสสีฟ ดีลิเวอรี่โปรดักต์ดี ๆ ในราคาที่คุ้มค่า เราจึงเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของศุภาลัย”</p><p style="font-size:13px;">2/2/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 2 กุมภาพันธ์ 2568 )</p>