เจาะลึกยุทธศาสตร์ เบื้องหลังไฮไลท์เซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่ เปิดตัว 12 ธ.ค.นี้

<p></p><p>เจาะลึกที่มาที่ไป และฟังก์ชั่นของไฮไลท์ต่าง ๆ ในเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่หลังรีโนเวท ไม่ว่าจะเป็นการมีคาเฟ่เครื่องดื่มกลางโซนขายรองเท้า ร้านตัดผมในโซนสินค้าแม่และเด็ก และยุทธศาสตร์ Right size ทำให้ห้างที่มีพื้นที่ 60,000 ตร.ม. แข่งขันกับห้างขนาดใหญ่กว่าได้แบบไม่น้อยหน้า</p><p> ปักธงคาเฟ่กลางโซนร้านค้ากระตุ้นนักช้อป</p><p> ปกติแล้วร้านเครื่องดื่มมักอยู่แยกจากโซนขายสินค้า โดยเฉพาะสินค้าหรูราคาแพง แต่ไม่ใช่สำหรับเซ็นทรัลชิดลมซึ่งมี คาเฟ่และร้านเครื่องดื่มอย่าง nose tea และ THE BAR อยู่กลางโซนช้อปปิ้งสินค้าหรู Shoes Avenue ที่รวบรวมรองเท้าจากแบรนด์ อาทิ Christian Louboutin, Jimmy Choo, Giuseppe Zanotti ฯลฯ และโซนสนีกเกอร์ Sneaker Boulevard ซึ่งรวมสนีกเกอร์ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นพิเศษและรุ่นลิมิเต็ด</p><p> การตั้งร้านเครื่องดื่มกลางพื้นที่ช้อปปิ้งนี้เป็นหนึ่งในจุดเด่นและกลยุทธ์ใหม่ของเซ็นทรัลชิดลม โดย “ณัฐธีรา บุญศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล อธิบายว่า การมีร้านเครื่องดื่มในพื้นที่ช็อปทั้งช่วยดึงดูดและตรึงเหล่านักช้อปให้ใช้เวลาในพื้นที่นานขึ้น รวมถึงจับจ่ายมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาประสบการณ์ดื่มไปด้วยช็อปไปด้วยนี้ได้รับการตอบรับดีมาก</p><p> โซนแม่และเด็ก จัดเต็มสินค้า-บริการ-บรรยากาศ</p><p> เซ็นทรัลชิดลม ปรับโฉมโซนสินค้าแม่และเด็กใหม่ พร้อมแม็กเน็ตเป็นความครบครันแบบวันสต๊อปช้อปปิ้งทั้งสินค้า-บริการ-บรรยากาศ ด้วยการมี Milk ร้านตัดผมสำหรับเด็กอยู่ในพื้นที่ เช่นเดียวกับไลน์อัพสินค้า และเสื้อผ้าเด็กแบรนด์เนม อาทิ Marc Jacobs Kids, Emporio Armani, Boss Junior, Levi’s Kids และอื่น ๆ ขณะเดียวกันยังจัดบรรยากาศให้เป็นมิตรกับเด็ก ด้วยการตกแต่งจุดชำระเงินเป็นผลไม้, ไอศกรีม ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีสินค้ากว่า 30,000 รายการจาก 400 แบรนด์ดัง</p><p> “ณัฐธีรา บุญศรี” กล่าวว่า ครอบครัวที่มีลูกเล็กเป็นหนึ่งในลูกค้าศักยภาพสูง ซึ่งบริษัทต้องการดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการ จึงต้องตอบโจทย์ด้วยความครบครันทั้งสินค้าและบริการ เช่น เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ตอบโจทย์เทรนด์มินิมีหรือการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบเดียวกันของพ่อ-แม่-ลูก</p><p> One stop shopping สำหรับสายสุขภาพความงามและแฟชั่น</p><p> การมีโซนรวบรวมสินค้าจากหลายแบรนด์เอาไว้ให้เลือกซื้อหาในจุดเดียวแบบ one stop shopping เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเซ็นทรัลชิดลม โดยมีด้วยกันถึงหลายโซน อาทิ Organic and Niche Beauty ซึ่งรวมสินค้าความงามออร์แกนิก และสินค้าความงามเฉพาะกลุ่ม และ The collective ที่รวมแบรนด์แฟชั่นหายาก เช่น 1017 ALXY 9SM, A Cold Wall, C.P. Company ฯลฯ ให้มิกซ์แอนด์แมตซ์ได้เต็มที่ Shoes Avenue ที่รวบรวมรองเท้าแบรนด์เนม Sneaker Boulevard ซึ่งรวมสนีกเกอร์ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นพิเศษและรุ่นลิมิเต็ด รวมถึง K-style Spot แหล่งรวมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เกาหลีที่มีจำหน่ายเฉพาะที่เซ็นทรัลชิดลม อาทิ Mardi Actif, Taw&Toe, Samo Ondoh ฯลฯ</p><p> รวมถึงยังมีแหล่งรวมกลุ่มร้านค้าที่มาปักธงในโมเดล Shop in Shop ร่วมกันทั้งกลุ่มแบรนด์เนมหรู ในโซน Luxe Galerie นาฬิกาข้อมือในโซน Watch Watch ร้านอาหารสตรีทฟู้ดไทย-นานาชาติในโซน Lofter เป็นต้น</p><p> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า การสร้างโซน one stop shopping สำหรับสินค้าแต่ละกลุ่มนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำหรับแก้ข้อจำกัดของเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งมีพื้นที่ขายเพียง 60,000 ตร.ม. นับว่าเล็กเมื่อเทียบกับคู่แข่งในย่านเดียวกัน ทำให้ต้องอาศัยการคัดเลือกสินค้ารุ่นใหม่ รุ่นพิเศษ รุ่นหายาก และรุ่นยอดนิยมแล้วนำมาร่วมไว้ในจุดเดียว เพื่อเป็นแม็กเนตดึงดูดลูกค้า และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง</p><p> “แนวคิดของเราคือ Right Size พื้นที่ไม่ต้องใหญ่ แต่สินค้า-ร้านค้าครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเอ๊กซ์คลูซีฟ-ลิมิเต็ด และหายาก”</p><p> ยกเครื่องดีไซน์ใหม่ด้วยสถาปนิกชื่อดังระดับโลก</p><p> งานดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกของเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่ เป็นผลงานของทีมดีไซน์เนอร์และสถาปนิกชื่อดังทั้งจากอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, ไทย และอื่น ๆ เน้นการใช้วัสดุไม้ และกระเบื้องหิน Terrazzo บริเวณทางเดินเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่น ตามแนวคิดการเป็นบ้านหลังที่ 2 ของผู้บริโภค รวมถึงใช้สี Chidlom Pink บนผนัง โดยทั้ง 7 ชั้นจะมีดีไซน์แตกต่างกันจากดีไซน์เนอร์แต่ละราย ช่วยสร้างความแปลกใหม่</p><p> รวมไปถึง Fa?ade สไตล์โมเดิร์นโทนสีชมพูเรียบหรูด้วยวัสดุกระจกสีขาวขุ่น ซึ่งเรืองแสงและเปลี่ยนสีได้ในเวลากลางคืน</p><p> ขนเทคโนโลยี-อีเวนต์เสริมประสบการณ์ช็อป</p><p> บริเวณ “Personal Shopping Suite” และชั้น 2 ของเซ็นทรัลชิดลม จะติดตั้งระบบเสียงจากแบรนด์เทคโนโลยีสัญชาติฝรั่งเศส “Devialet” และสร้างความแปลกใหม่ด้วยเทคโนโลยี Samsung Galaxy Immersive Gardena ในคอนเซ็ปต์ “Avant Gardena” ที่มอบประสบการณ์การชมดอกไม้แบบ Immersive ด้วยเทคโนโลยีการแสดงภาพบนจอบนดิจิทัลแคนวาส</p><p> ขณะเดียวกันในชั้น 2 นี้ยังมี The Event Hall พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมทั้งแนวแฟชั่น อาหาร ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ ซึ่งจะมีการจัดหมุนเวียน 2-4 งานต่อเดือน อีกด้วย</p><p> The Event Hall พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมหมุนเวียน พร้อมระบบเสียงจาก Devialet โหมอีเวนต์ฉลองโฉมใหม่ยาวข้ามปี</p><p> ในวันที่ 12 ธ.ค.67 ที่จะถึงนี้ เซ็นทรัลชิดลมเตรียมจัดงาน Grand Opening ‘The Store of Bangkok’ โดยจะมีกิจกรรมและคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง Henry Moodie และกองทัพศิลปิน-นักร้อง อาทิ ตู่ ภพธร, เนเน่ พรนับพัน, โมเดิร์นด็อก รวมถึงดารา-นักแสดง อาทิ เบลล่า, ใหม่ ดาวิกา, คิมเบอร์รี่, มาริโอ้, เจมส์จิ, อเล็กซ์, ภูวินท์ ฯลฯ การแสดง Aerial acrobatic show</p><p> พร้อมเซอร์ไพรส์จากนัม จู ฮยอก (Nam Joo Hyuk) แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของห้างเซ็นทรัลชิดลม ร่วมกิจกรรมมากมายยิงยาวข้ามไปจนถึงปี 2568</p><p> ตัวอย่างกิจกรรมฉลองโฉมใหม่</p><p> เพาเวอร์บายคอนเซ็ปต์ “Premium store” แห่งแรกนอกจากตัวอาคารแล้ว ร้านค้าภายในเองยังมีความพิเศษด้วย ตัวอย่างเช่น เพาเวอร์บาย สาขาเซ็นทรัลชิดลม ที่มาในลุคโมเดิร์น เรียบง่าย พร้อมโซนพิเศษ Innovation & Experience ลูกค้าสามารถทดลองฟังก์ชันการใช้งานของสินค้าโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีอีก 4 โซนสินค้าประกอบด้วย</p><p> Television & Audio ที่มีสินค้าภาพและเสียงครบครัน อาทิ ทีวีซัมซุง รุ่น Neo QLED 8K, ทีวีจอยักษ์ขนาด 115 นิ้วจาก TCL, ทีวี LG OLED evo ขนาด 97 นิ้ว และ LG StandbyME จอสัมผัสเคลื่อนที่ และปรับหมุนได้ ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการสตรีมมิ่งคอนเทนต์</p><p> Major Appliance รวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้าอบผ้าแบบ Tower ตู้เย็นแบบ 4 ประตูและ Side by Side ไปจนถึงตู้แชาไวน์</p><p> Air Zone ศูนย์รวมแอร์หลากหลายรูปแบบทั้ง แอร์ฝ้า 4 ทิศทาง แอร์ตั้งพื้น แอร์แขวนผนัง และเครื่องฟอกอากาศเทคโนโลยีล่าสุดจากหลากหลายแบรนด์ดัง</p><p> Smart Tech & IT โซนอุปกรณ์ไอทีหลากรูปแบบทั้งมือถือ แท็ปเล็ต เครื่องเกม ลำโพง กล้องแอคชั่นคาเมร่า เครื่องนวดเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงจักรยานไฟฟ้า และสกู๊ตเตอร์</p><p> เพาเวอร์บายคอนเซ็ปต์ใหม่</p><p> คาดผู้ใช้บริการ 30,000 คน/วัน รายได้ปี ’68 โต 30%</p><p> นางณัฐธีรา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังปรับโฉมเสร็จคาดการณ์ปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากประมาณ 25,000 คน/วัน เป็นประมาณ 30,000 คนต่อวัน และผลักดันให้ยอดขายปี 2568 ของสาขาชิดลมเติบโต 30% หลังช่วง 6 เดือนที่ผ่านมายอดขายเติบโตไปแล้ว 25% จากการจับจ่ายเฉลี่ยที่ 20,000 บาท/คน/ครั้ง และจำนวนลูกค้าต่างชาติและเอ็กซ์แพท เพิ่มขึ้น 20%</p><p> โดยมีลูกค้าหลากหลายกลุ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศที่บริษัทมุ่งดึงมาจับจ่ายในสาขานี้ ได้แก่</p><p> กลุ่ม CENFINITY และกลุ่ม Wealth & Premium ลูกค้าและสมาชิกคนสำคัญที่มียอดใช้จ่ายสูง ซึ่งจะมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์พิเศษและสิทธิประโยชน์เฉพาะตัว</p><p> กลุ่ม Family & Kids กลุ่มครอบครัวที่นิยมใช้เวลาร่วมกันที่ห้างเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน</p><p> กลุ่ม Gen Y & Gen Z กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ซึ่งมักมีอิสระทางการเงิน มีแนวโน้มใช้จ่ายสูงในกลุ่มสินค้าทันสมัย เช่น แฟชั่น เทคโนโลยี และเครื่องประดับ รวมถึงกลุ่มสินค้าลักชัวรีที่ตรงกับสไตล์ของตนเอง</p><p> กลุ่ม Expat & Tourist เป็นกลุ่มที่ตั้งใจเดินทางมาช้อปปิ้งและท่องเที่ยวโดยเฉพาะทางห้างได้เข้าไปถึงลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ทั้งจากพันธมิตรสายการบิน บัตรเครดิต โรงพยาบาล และอีกมากมาย พร้อมมัดใจด้วยการเพิ่มความสะดวกสบายในบริการที่เหมาะกับนักท่องเที่ยว เช่น Tax Refund เป็นต้น</p><p style="font-size:13px;">4/12/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 ธันวาคม 2567 )</p>