“คริสตี้ส์ อินเตอร์ฯ” โบรกเกอร์อสังหาฯ จากอังกฤษ ปักหมุดไทย เจาะลูกค้ากลุ่มซูเปอร์หรู

<p></p><p>“บริษัท คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท” โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ เตรียมเปิดตัวสาขาไทย “CIRE Thailand” เน้นบุกตลาดอสังหาฯ อัลตราลักเซอรี่และลักเซอรี่ ชูจุดแข็ง เครือข่าย 900 แห่ง พร้อมตัวแทนอสังหาฯ 10,000 ราย ใน 50 ประเทศทั่วโลก</p><p> วันที่ 3 ธันวาคม 2567 Miss Helena de Forton, Managing Director, Head of EMEA & Asia บริษัท คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท กล่าวว่า คริสตี้ส์ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านจัดประมูลผลงานศิลปะระดับโลกมากว่า 250 ปี</p><p> ล่าสุด ได้ขยายมาทำการตลาดและการขายอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ โดยมีการดำเนินงานใน 46 ประเทศทั่วอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย-แปซิฟิก และล่าสุดในประเทศไทย</p><p> บริษัทมีศูนย์กลางการขายระดับนานาชาติที่สำคัญในนิวยอร์ก ลอนดอน ฮ่องกง ปารีส และเจนีวา นำเสนอแพลตฟอร์มระดับโลกสำหรับการซื้อและขายบ้าน ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์สุดหรูที่เหนือระดับจากทั่วโลกให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ</p><p> โดยในแต่ละปีบริษัทจะมีการจัดประมูลผลงานศิลปะและอัญมณีในทั่วโลก ซึ่งในทุกงานประมูลใหญ่ ๆ บริษัทจะสามารถนำโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพเข้าไปทำการตลาดได้ รวมถึงยังทำการตลาดผ่านสำนักงานทั่วโลกได้อีกด้วย</p><p> ทั้งนี้ เกณฑ์การคัดเลือกโครงการอสังหาริมทรัพย์ของคริสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท จะต้องเป็นโครงการคุณภาพระดับไฮเอนด์ และราคามีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต</p><p> Miss Helena de Forton กล่าวว่า คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท ได้ขยายสาขามาที่ประเทศไทย มุ่งเน้นในการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์อย่างครบวงจร โดยมองเห็นถึงศักยภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์อัลตราลักเซอรี่ และลักเซอรี่ของไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในทำเลกรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการลงทุนที่ดีมาก</p><p> เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติและผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยหลักหรือรอง</p><p> โดยไทยมีข้อได้เปรียบที่น่าดึงดูด ได้แก่ การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม การให้วีซ่าพำนักระยะยาว รวมทั้งการย้ายถิ่นฐานของผู้คนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ไทย</p><p> นอกจากนี้ คนไทยมีรสนิยมที่ดีในการตกแต่งอสังหาฯ ได้อย่างสวยงามหรูหรา มีความเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถสร้างประสบการณ์พิเศษ และดีเยี่ยมให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งสูง (High Net Worth Individual) จากทั่วโลกได้</p><p> ด้านนายชิณทัต ศิริชนะชัย Head of Christie’s International Real Estate Thailand บริษัท คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตท ประเทศไทย หรือ CIRE กล่าวเพิ่มเติมว่า CIRE เป็นบริษัทในเครือ คริสตี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียล เอสเตทแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย</p><p> บริษัทมุ่งมั่นให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเลิศ และมีความเป็นมืออาชีพในงานขายและทำการตลาดให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์แบรนด์อัลตราลักเซอรี่และลักเซอรี่ที่มีชื่อเสียงของไทย ผ่านเครือข่ายของคริสตี้ส์ฯ ทั่วโลก</p><p> บริษัทวางแผนดำเนินงานในระยะ 3-5 ปี ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักเซอรี่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มีความต้องการลงทุนอสังหาฯลักเซอรี่ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยตลอด แม้เศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในภาวะชะลอตัว</p><p> โดยรวบรวมโครงการที่มีคุณภาพระดับลักเซอรี่ และมีทำเลที่ตั้งดีเยี่ยม (prime location) มานำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อมั่งคั่ง</p><p> นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับผู้บริหารจัดการโครงการหลังการขาย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เข้ากับยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย, เว็บไซต์ และอีคอมเมิร์ซ โดยจะนำเสนอโครงการผ่านเครือข่ายของ คริสตี้ส์ฯ ทั่วโลก</p><p> ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 จำนวน 100-120 ล้านบาท เน้นเฉพาะธุรกิจซื้อ-ขายอสังหาฯ ระดับอัลตราลักเซอรี่และลักเซอรี่ โดยตั้งเป้าจำนวนสต๊อก (มูลค่าโครงการ) ที่เข้ามาในปีแรกไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีสต๊อกในมือแล้วประมาณ 2,500 ล้านบาท</p><p> “สต๊อกมูลค่า 2,500 ล้านบาท มาจากหลากหลายดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำในไทย จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการที่กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง และมั่นใจว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในด้านการขายแน่นอน”</p><p> ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ คริสตี้ส์ฯ ที่มีลูกค้าที่ชื่นชอบประมูลงานศิลปะทั่วโลก ตลอดจนมีกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง ทำให้สามารถเข้าถึงได้ตรงกลุ่ม มีโอกาสในการขายที่มากกว่า เพราะเป็นการจับกลุ่มลูกค้าระดับบนเท่านั้น</p><p> ทำให้สามารถให้บริการได้เหมาะสมตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจน และช่วยทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับโลกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย</p><p style="font-size:13px;">3/12/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 3 ธันวาคม 2567 )</p>