โรงแรมกลุ่ม “พรีเมี่ยม” โตแกร่ง “เซ็นทารา” เร่งยกระดับแบรนด์จับตลาดหรู

<p></p><p>โรงแรมกลุ่มพรีเมี่ยมส่งสัญญาณโตแรง “เซ็นทารา” เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ “เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา” หลังทุ่มเงิน 1.4 พันล้านบาท รีโนเวตใหญ่ในรอบ 15 ปี เผยพร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนแบบหรูหราทันสมัยสำหรับกลุ่มระดับบน-ครอบครัวโดยเฉพาะ ล่าสุดเตรียมแผนเปิดโรงแรมหรูในมัลดีฟส์ รีแบรนด์เซ็นทารา แกรนด์ กระบี่ สู่ Centara Reserve หนุนภาพลักษณ์แบรนด์ในตลาดระดับพรีเมี่ยม</p><p> นางสาวจุไรรัตน์ มงคลวงศ์สิริ รองประธานฝ่ายขาย โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงและพัฒนาโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา หลังจากเปิดให้บริการมาเป็นเวลา 15 ปี โดยล่าสุดโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา พร้อมเปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่หรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้นเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา หลังจากทยอยปรับปรุงเมื่อไตรมาส 3/2566</p><p> จับกลุ่ม “พรีเมี่ยม-ครอบครัว”</p><p> นางสาวจุไรรัตน์กล่าวว่า การปรับปรุงและพัฒนาครั้งนี้เป็นการยกระดับโรงแรมให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มพรีเมี่ยมและครอบครัวมากขึ้น ภายใต้ธีม “Lost World” ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติและความหรูหรา เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่หลากหลายสำหรับครอบครัวและกลุ่มพรีเมี่ยมโดยเฉพาะ</p><p> รวมทั้งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรม เช่น สวนน้ำใหม่ทั้ง 4 โซน ทั้งเกาะภูเขาไฟอันน่าตื่นเต้น, เครื่องเล่นสไลเดอร์ขนาดยักษ์, สวนน้ำท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ และป่าหมอกอันน่าค้นหา รวมถึงปรับโฉมสวนน้ำให้กลายเป็นสวนสนุกลอสต์ เวิลด์ แอดเวนเจอร์ แลนด์ (Lost World Adventure Land) ตั้งอยู่ใจกลางรีสอร์ต</p><p> “สวนน้ำใหม่ทั้ง 4 โซนของเราจะมอบประสบการณ์ผจญภัย 4 รูปแบบอย่างน่ามหัศจรรย์ ขณะเดียวกันได้มีการพัฒนาในด้านการบริการ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่มีความคาดหวังสูงขึ้นด้วย” นางสาวจุไรรัตน์กล่าว และว่า สำหรับในส่วนของห้องพักนั้นโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา มีห้องพักทั้งหมด 555 ห้อง ทุกห้องจะได้ชมวิวเป็น Sea View มองเห็นทะเลฝั่งเดียวกันทั้งหมด</p><p> และเพิ่มห้องพักในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ห้อง The Royal Ocean Suite with Infinity Pool ที่มี 2 ชั้น และสระว่ายน้ำส่วนตัว ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวขนาดใหญ่หรือกลุ่มลูกค้าที่มองหาความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน นอกจากนี้ ยังมีห้องที่รองรับกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งสามารถรองรับแขกจำนวนมากถึง 30-50 คน จึงเหมาะสำหรับการจัดงานปาร์ตี้หรือการรวมตัวของครอบครัวใหญ่</p><p> “การเปิดตัวโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา หลังการปรับปรุงใหญ่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจท่องเที่ยวในพัทยา แต่ยังเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตที่ยั่งยืนในตลาดโรงแรมพรีเมี่ยมในไทยและต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบันและในอนาคต ทำให้เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ยังคงเป็นตัวเลือกที่ไม่สามารถมองข้ามได้สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ” นางสาวจุไรรัตน์กล่าว</p><p> เชื่อมโยง “พัทยา-กรุงเทพฯ”</p><p> นางสาวจุไรรัตน์กล่าวอีกว่า โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ได้เตรียมตัวสำหรับการเติบโตในตลาดโรงแรมพัทยา ด้วยการปรับราคาและบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา โดยคาดว่าจะมีการปรับราคาในช่วงฤดูท่องเที่ยวขึ้นประมาณ 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีราคาห้องพักเริ่มต้นที่ประมาณ 6,000-10,000 บาท ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและความต้องการ</p><p> พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์การตลาดโดยเชื่อมโยงการพักผ่อนในพัทยากับโรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกประสบการณ์การพักผ่อนใน 2 สถานที่ได้ ทำให้มีความหลากหลายในการเลือกจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว</p><p> ทั้งนี้ หลังจากที่ธุรกิจท่องเที่ยวในพัทยาฟื้นตัวหลังโควิด-19 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ยังได้มุ่งเน้นการดึงดูดลูกค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากตลาดในเอเชีย เช่น รัสเซีย, จีน, เกาหลี และอินเดีย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 30% ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา</p><p> โดยกลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรมยังคงเป็นตลาดเอเชียที่มีสัดส่วนถึง 70% ส่วนอีก 30% มาจากยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของพัทยาในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก</p><p> เพิ่มพอร์ตพรีเมี่ยมทั้งใน-ตปท.</p><p> นางสาวจุไรรัตน์กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนขายการลงทุนโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทาราในอีกหลายพื้นที่ รวมถึงเปิดตัวโครงการใหม่ในประเทศและต่างประเทศ โดยหนึ่งในแผนการสำคัญคือการเปิดโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นธีมรีสอร์ตแรกที่มุ่งเน้นการดึงดูดกลุ่มครอบครัวโดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากรีสอร์ตทั่วไปในมัลดีฟส์ที่มักจะมุ่งเน้นตลาดคู่รักฮันนีมูน</p><p> นอกจากนี้ ยังมีแผนจะรีแบรนด์โรงแรม Centara Grand ในกระบี่ เป็นแบรนด์ Centara Reserve เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในตลาดระดับพรีเมี่ยมและตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความพิเศษและหรูหราในทุก ๆ ด้าน หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวแบรนด์ Centara Reserve แห่งแรกที่เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) เมื่อปลายปี 2564</p><p> ทั้งนี้ การรีแบรนด์โครงการดังกล่าวนี้จะเน้นการให้บริการที่มีมาตรฐานสูง พร้อมทั้งประสบการณ์การเข้าพักที่ไม่เหมือนใคร โดยจะมีการนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราและการบริการที่เน้นความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงการออกแบบโรงแรมที่ผสมผสานความทันสมัยและท้องถิ่นอย่างลงตัว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความพิเศษตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึง</p><p> รวมทั้งยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ Centara Reserve ในฐานะแบรนด์โรงแรมระดับหรูในประเทศไทย และเพิ่มความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่มองหาความแตกต่างและเอกลักษณ์ในการท่องเที่ยว</p><p> “การเปิดตัวโรงแรมในมัลดีฟส์และรีแบรนด์ที่กระบี่จะเป็นการขยายตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมี่ยมและครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่โรงแรมของเราจะมุ่งเน้น” นางสาวจุไรรัตน์กล่าว</p><p style="font-size:13px;">10/2/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 10 กุมภาพันธ์ 2568 )</p>