โปรเจ็กต์สุดท้าย “สวนสยาม” ชิงดำผุดกาสิโนแสนล้านชานเมือง

<p></p><p>ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมากล่าวว่า หลังการประชุมส่วนงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรว่า ได้ข้อสรุปทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าไปให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการนี้ โดยรายล่าสุดเป็น กลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ หรือ “สวนสยาม” ได้เสนอตัวพร้อมที่จะทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทันที</p><p> ภารกิจสุดท้ายเพื่อชาติ</p><p> ดร.ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ ผู้ดำเนินธุรกิจสยามอะเมซิ่งพาร์ค สวนน้ำและสวนสนุกชั้นนำของไทย (สวนสยาม) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธุรกิจของกลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ต้องปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ประกอบกับรัฐบาลที่มีการประกาศนโยบายในการผลักดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” และ “กาสิโนถูกกฎหมาย” จึงมองเห็นโอกาสในการดึงเอาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศเข้ามาปรับปรุงและพัฒนาสวนน้ำ-สวนสนุก</p><p> อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจะมีเสียงวิจารณ์และคัดค้านถึงเรื่องการเปิด “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ิ เพราะ “ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ” แต่ตนกลับมองว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมี เพราะถ้าไม่มี ประเทศชาติจะเดินหน้าต่อได้ลำบาก เนื่องจากหลายประเทศในโลกต่างก็มีเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ประกอบกับเทรนด์ของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันก็เปลี่ยนไป เพราะเมื่อเขาไปเที่ยวประเทศไหนแล้วก็มักจะไปเสี่ยงโชคเหมือนคาดหวังว่า มาเที่ยวแล้วก็จะได้โชคกลับบ้านหรือได้พักผ่อนหย่อนใจในกาสิโน</p><p> ดร.ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ</p><p> “ประเทศอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างเราอย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา หรือมาเก๊า เขาก็มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กันหมดแล้ว ถ้าประเทศเราไม่มีนี่ถือเป็นเรื่องแปลก แม้จะมีบางคนที่คัดค้านและอ้างว่า การมีกาสิโนจะทำให้ประเทศชาติเสียหายเพราะเป็นการทำให้คนมัวเมา แต่เราต้องบอกเหตุผลว่า คนที่จะเข้าไปใช้บริการในกาสิโนต้องเป็นคนที่มีเงินเท่านั้น เพราะคนกลุ่มนี้ถึงเขาไม่ได้เล่นที่ประเทศไทย เขาก็ต้องไปเล่นที่ประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว</p><p> ส่วนคนทั่วไปก็ให้ไปใช้บริการโซนสวนสนุก เพราะภายหลังจากที่มีรายได้และกำไรจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กแล้ว เราก็จะทำให้สวนสนุกมีการพัฒนาและอัพเกรด ทำให้ราคาค่าเข้าถูกลงและค่าอาหารถูกลง แต่ถ้าไม่มีเงินจากส่วนนี้ เราก็ไม่มีงบฯที่จะไปอัพเกรดเครื่องเล่น หรือทำให้สินค้าในสวนสนุกถูกลงได้” ดร.ไชยวัฒน์กล่าว</p><p> เนรมิตพื้นที่ 217 ไร่</p><p> สำหรับแผนเบื้องต้นของกลุ่มสยามพาร์คซิตี้ สำหรับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็คือ ขยายพื้นที่ข้างเคียงของสวนสยามอีก 217 ไร่ จากพันธมิตรคนสนิท รวมทั้งหมดจะทำให้เรามีพื้นที่เกือบ 500 ไร่ เนรมิตออกมาเป็นหลากหลายยูนิต อาทิ โรงแรมและกาสิโน, ทะเลสาบขนาดใหญ่, ฟู้ดเดสติเนชั่น, สนามกีฬาในร่ม, ศูนย์วัฒนธรรมแต่ละภาค, Grand Area, Wellness Resort “ผมคิดว่า ทำเลของสวนสยามนั้น ใช่ ทั้งขนาดและระบบขนส่งสาธารณะ เดินทางไม่ยากจากสนามบินทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ แถมยังมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่เอื้อต่อการเดินทางด้วย”</p><p> นอกจากนี้จากการที่ สวนสยาม ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และนายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ (บุตรชาย) ก็ยังเป็นประธานสมาคมสวนสนุกโลก ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์อันดีกับนักธุรกิจที่อยู่ในวงการเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันมีพันธมิตรที่เป็นกลุ่มทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจและพร้อมร่วมทุน คือ กลุ่มทุนจากประเทศซาอุดีอาระเบียและมาเก๊า หากรัฐบาลให้กลุ่มสยามพาร์คซิตี้เป็น 1 ในผู้รับใบอนุญาตเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็สามารถเดินหน้าโครงการได้เลย</p><p> “ปัจจุบันกลุ่มสยามพาร์คซิตี้ ถูกส่งไม้ต่อให้กับทายาทรุ่นที่ 2 คือลูก ๆ แล้ว แต่ภายหลังจากรัฐบาลประกาศนโยบายในการผลักดัน ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ และกาสิโนถูกกฎหมาย ผมก็กลับเข้ามาเพราะอยากทำเพื่อประเทศชาติเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะโดนด่าหรือมีผู้ตั้งคำถามในเชิงศีลธรรมว่า ทำความดีมาตลอดชีวิต แต่กลับมาทำเรื่องนี้ ก็คิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหาย</p><p> ถ้าผมมีเงิน ก่อนผมตาย ผมสามารถทำได้ทุกอย่าง ผมอยู่ในโลกความเป็นจริงมา 87 ปีแล้ว ผ่านมาทุกอย่าง ตั้งแต่เป็นคนจนไม่มีเงินใช้ จากขอทานกลายเป็นมหาเศรษฐี จากมหาเศรษฐีแล้วก็คงตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นของเราในโลกนี้ แต่เรื่องนี้ผมอยากทำเพื่อประเทศชาติเป็นครั้งสุดท้าย” ดร.ไชยวัฒน์กล่าว</p><p> ทำเลพร้อม-ลงทุนได้ทันที</p><p> นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ ผู้ประกอบกิจการสยามอะเมซิ่งพาร์ค (สวนสยาม) ธุรกิจสวนน้ำ-สวนสนุก และ นายกสมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สวนสยามมีความพร้อมที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนใน โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามนโยบายรัฐบาล โดยมองว่า สวนสยามเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก</p><p> ขณะเดียวกันก็ใกล้กับเมืองท่องเที่ยวอื่นโดยเฉพาะ เมืองพัทยา (ชลบุรี) และอยู่ไม่ห่างจากสนามบินหลักทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมถึงการคมนาคมทางบกอื่น ๆ ทั้งทางด่วน รถไฟฟ้า ถนนวงแหวนขึ้นสู่จังหวัดภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ และมอเตอร์เวย์ไปจังหวัดภาคตะวันออก</p><p> นอกจากนี้สวนสยามยังเป็นทำเลที่มีพื้นที่รองรับรวมไม่ต่ำกว่า 500 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินของกลุ่มสวนสยามเองประมาณ 250 ไร่ และที่ดินของพันธมิตรในบริเวณโดยรอบอีกไม่ต่ำกว่า 250 ไร่ ที่มีความพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนร่วมกัน “ถ้ารัฐบาลเลือกเรา โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสามารถเดินหน้าได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาเวนคืนที่ดิน เพราะเป็นที่ดินของเราทั้งหมด ที่สำคัญยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับสวนน้ำ สวนสนุก ซึ่งมีพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ทันที นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ประกอบธุรกิจอยู่แล้ว และคนก็รู้จักแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นพื้นที่ประกอบธุรกิจ ไม่ใช่ไปเอาที่ดินที่เป็นที่พักอาศัยมาพัฒนา” นายวุฒิชัยกล่าว</p><p> ลุ้นความชัดเจนใบอนุญาต</p><p> นายวุฒิชัยกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มสวนสยามได้พูดคุยกับพันธมิตรที่อยู่ในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หลากหลายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทุกคนให้ความสนใจและตอบรับร่วมลงทุน เพียงแต่ยังรอดูรายละเอียดและความชัดเจนของรัฐบาลในเรื่องของการลงทุนรวมถึงใบอนุญาต ว่าจะออกให้กี่ใบ แบ่งเป็นในกรุงเทพฯกี่ใบและต่างจังหวัดกี่ใบ</p><p> “เราคุยมาหมดแล้วในสายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งร้านอาหาร แหล่งบันเทิง โชว์ โรงแรม เหลือแค่กาสิโน “หากทุกอย่างชัดเจนไม่ใช่เรื่องยากครับ เราหาแค่คนทำกาสิโนมาเสริมเท่านั้น” ผมว่าหากมีโอกาสนักลงทุนทุกคนอยากลงทุนหมด ยกเว้น บางกลุ่มที่มีความเชื่อทางศาสนาเขาอาจจะไม่เอา” นายวุฒิชัยกล่าว</p><p> ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นทางออกที่ดีของทุกคน รัฐบาลก็ได้สิ่งที่ต้องการและทำได้เร็ว ไม่ต้องรอเวนคืนที่ดิน ในส่วนของสวนสยามเองก็สามารถต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว ที่สำคัญโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทยอย่างมาก โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ควรเกิดขึ้นพร้อมกันมากกว่า 1 แห่ง แต่ก็ไม่ควรมากเกินไปและควรทำโครงการแรกให้สำเร็จก่อน แล้วค่อยขยายผลเพิ่มเติม</p><p> ในส่วนของสวนสยามเองพร้อมที่จะแปลงสินทรัพย์ประกอบด้วยที่ดิน 250 ไร่ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่สวนสยามทั้งหมดเป็นทุน ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราว 50,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นการร่วมลงทุนของกลุ่มพันธมิตร</p><p> “ผมมองว่า ธุรกิจสไตล์นี้ถ้าเป็นไปได้ควรเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เป็นมหาชน ซึ่งเราก็มีแผนเรื่องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้วเช่นกัน แต่อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี เพราะที่ผ่านมาเจอวิกฤตโควิดทำให้ตัวเลขรายได้ไม่สวยนัก ในช่วงนี้เราจึงพยายามขับเคลื่อนและพัฒนาให้ธุรกิจสามารถกลับมาได้อย่างแข็งแรงก่อน” นายวุฒิชัยกล่าว</p><p> ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร</p><p> จุดเริ่มต้นของ โครงการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex หลังจากที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ถึงผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรแล้วนั้น ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น (นายเศรษฐา ทวีสิน) ได้มอบหมายให้ กระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมในการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร โดยเร่งรัดขอให้มีการพิจารณาโดยเร็วและให้พิจารณาจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรและแผนการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย</p><p> สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีสาระสำคัญอยู่ที่ 1) การตั้งคณะกรรมการนโยบายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อกำหนดนโยบายจัดตั้ง/บริหารสถานบันเทิงครบวงจร พร้อมทั้งออก “ใบอนุญาต” และ อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต รวมถึงจัดทำบัญชีแนบท้ายประเภทธุรกิจที่จะเปิดดำเนินการในสถานบันเทิงครบวงจรด้วย 2) คณะกรรมการบริหาร มีหน้าที่บริหารกองทุนและพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสถานบันเทิงครบวงจร</p><p> 3) สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ สนง.กธบ. มีฐานะเป็นนิติบุคคล แต่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่จัดทำแผนยุทธศาสตร์สถานบันเทิงครบวงจร ตรวจสอบและติดตามผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ โดย สนง.กธบ.จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมการขออนุญาต ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้ง มีอำนาจสั่งการให้หยุดการเล่นใด ๆ ใน “กาสิโน” ก็ได้ 4) ใบอนุญาต จะออกให้โดย คณกรรมการนโยบายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผู้ขออนุญาตจะต้องเป็น นิติบุคคล ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท</p><p> โดยผู้ขออนุญาตจะต้องยื่นเอกสารแสดงการครอบครองการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่จะนำมาประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แผนผัง อาคาร รูปทรง สถานบันเทิง และเอกสารแสดงแหล่งเงินทุนที่เพียงพอในการประกอบธุรกิจ โดย “ใบอนุญาต” ที่ออกให้จะมีอายุ 30 ปี ต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี และ ห้ามโอนสิทธิใบอนุญาตให้กับบุคคลอื่น ตัวสถานบันเทิงครบวงจรจะต้องตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่ คณะกรรมการนโยบายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเป็นผู้ประกาศ และ 5) จัดให้มี กองทุนป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร โดยเบื้องต้นกองทุนนี้จะมีเงินทุนประเดิมจากรัฐบาลก่อนและเงินที่ได้ตาม พ.ร.บ.นี้</p><p> ร่าง กม.กาสิโนพร้อมเข้า ครม.</p><p> มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเข้ามาว่า กระทรวงการคลังได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …(Entertainment Complex) แล้ว อยู่ระหว่างเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา หลังจากกฎหมายผ่านก็จะมีการตั้ง คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และว่าจ้างที่ปรึกษามาศึกษาในรายละเอียดในเรื่องของการเลือกพื้นที่ อาจมีหลายแห่งได้ ค่าเข้าและใบอนุญาต ควรจะมีราคาเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมต่อการดึงดูดการลงทุน</p><p> ทั้งนี้ในระยะแรกของการลงทุนจะต้องมีระดับ 100,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ เช่น สนามกีฬา, งานแสดง, สวนสาธารณะ, สวนน้ำ-สวนสนุก อาจมีสัดส่วนกาสิโนเพียง 5%</p><p> ส่วนรายละเอียดแนบท้ายร่าง พ.ร.บ. เช่น ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทยครั้งละ 5,000 บาท, ค่าใบอนุญาตครั้งแรก 5,000 ล้านบาทต่อปี, รายปี 1,000 ล้านบาทนั้น เป็นเพดานสูงสุดที่ต้องกำหนดไว้ โดยรายได้ที่รัฐบาลจะได้จาก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมาจาก 3 ส่วน คือ 1) ใบอนุญาตประกอบการ แบ่งตาม มูลค่าการลงทุน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่อนุญาต ได้แก่ Size S, M, L และ XL มีทั้งจ่ายครั้งแรกและรายปี (ระยะแรก XL)…</p><p> 2) ภาษี เก็บจากผู้ประกอบการ คิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน (Gross Gaming Revenue : GGR) คือ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการได้จากผู้เล่นพนัน และ 3) ค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการ เพื่อเป็นการป้องกันคนไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางเข้าใช้บริการ จะมีการเก็บภาษีการเข้าใช้บริการในอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้ของคนไทย</p><p> สำหรับข้อ 2 เรื่องภาษีนั้น หากพิจารณาเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เช่น เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เก็บภาษีกาสิโนร้อยละ 10 ของ GGR ส่วนประเทศสิงคโปร์ เก็บเฉลี่ยร้อยละ 17 ของ GGR โดยมีการเก็บ 2 รูปแบบ คือ ลูกค้า VIP เรตหนึ่ง ลูกค้าทั่วไปเรตหนึ่ง เพื่อดึงดูด VIP เข้ามา โดยตัวชี้วัด VIP คือเงินฝากในระดับนั้น ๆ</p><p> ไทย-เทศสนใจกาสิโน</p><p> ที่ผ่านมามีหลายกลุ่มทุนที่แสดงความสนใจจะลงทุน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาทิ กลุ่มราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย หรือ สนามม้านางเลิ้ง ร่วมกับบริษัท Royal Sport Complex จำกัด หรือ RSC โดยระบุว่าอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่จะร่วมลงทุน 4 ราย เล็งพื้นที่กรุงเทพฯ ทำเลในเมือง 3 แห่ง ได้แก่ หนองจอก พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ลาดกระบัง 2,000 ไร่ และท่าเรือคลองเตย กว่า 2,300 ไร่ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 7 ปี ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ภายใต้ชื่อโครงการ The Royal Siam Haven</p><p> กลุ่ม UTA ได้แก่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการต่อยอด โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นอกจากนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการกาสิโนระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Las Vegas Sands Corporation , กลุ่ม Wynn Resorts , กลุ่ม Caesars Entertainment , กลุ่ม MGM China Holdings Limited และกลุ่ม Hard Rock Cafe ที่แสดงความสนใจลงทุนด้วยเช่นกัน</p><p style="font-size:13px;">23/10/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 23 ตุลาคม 2567 )</p>