ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ สูตรลงทุน สโคป หลังสวน ลูกค้าซื้อได้ ปล่อยเช่าได้

<p></p><p>สโคป หลังสวน คอนโดมิเนียมระดับลักเซอรี่ที่เพิ่งเซอร์ไพรส์วงการ ด้วยยีลด์ซื้อลงทุนปล่อยเช่าสร้างผลตอบแทนสูงถึง 2,500 บาท/ตารางเมตร</p><p> เป็นห้องชุดลักเซอรี่ออกแบบความสูง 34 ชั้น จำนวน 133 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยแบบ 1-2 ห้องนอน เริ่มต้น 83-162 ตารางเมตร เพดานสูงโปร่ง 3.5 เมตร กับห้องชุดเพนต์เฮาส์ 419-443 ตารางเมตร ดันเพดานขึ้นไปสูง 4 เมตร ราคาเริ่มต้น ณ วันเปิดพรีเซลโครงการวันแรกอยู่ที่ 38-250 ล้านบาท บนที่ดินโครงการขนาด 2 ไร่เศษ บนทำเลอีลิตของกรุงเทพฯ ที่มีสถิติราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทย ตารางวาละ 3.1 ล้านบาท</p><p> คาดว่าเป็นเพราะเหตุผลสำคัญที่ สโคป หลังสวน เป็น “ห้องชุดลักเซอรี่ บนทำเลลักเซอรี่” ซึ่งไม่มีห้องชุดที่มีเทอมการขายแบบฟรีโฮลด์หรือขายโอนกรรมสิทธิ์นำเสนอในตลาดมากนัก อัพเดตข้อมูลล่าสุด ณ กลางเดือนพฤศจิกายน 2567 มียอดขายแล้ว 80%</p><p> เท่ากับมีห้องชุดเหลือขายสัดส่วนเพียง 20% สุดท้าย เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 83 ตารางเมตร อยู่ระหว่างจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ 44 ล้านบาท กับห้องชุด 2 ห้องนอน ไซซ์ 154 ตารางเมตร ราคาพิเศษ 88 ล้านบาท</p><p> “ประชาชาติธุรกิจ” นั่งล้อมวงสัมภาษณ์ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด บริษัทที่มีบิสซิเนสโมเดลพัฒนาโครงการในตลาดที่มีความชำนาญเท่านั้น ซึ่งก็คือตลาดลักเซอรี่ มีผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 70% มาจาก บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หุ้นอีก 30% ถือหุ้นโดย CEO สโคป</p><p> ตร.ม.ขยับจาก 4 แสนสู่ 6 แสน</p><p> เปิดประเด็นเบา ๆ สโคป หลังสวน พิถีพิถันทั้งดีไซน์และการก่อสร้างที่เก็บทุกรายละเอียด สะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ของราคาห้องชุดที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา โดยเปิดพรีเซลวันแรกราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 4 แสนบาท ปัจจุบันราคาขยับขึ้นเป็นตารางเมตรละ 6 แสนบาท ทำให้ลูกค้าสาวกสโคปรู้กันดีว่า ลูกค้าที่ซื้อตั้งแต่เปิดพรีเซลโครงการใหม่ ๆ เป็นช่วงไพรมของการจองซื้อ เพราะจะได้ราคาที่ดีที่สุด</p><p> นั่นหมายความว่าลูกค้าที่ซื้อห้องชุดห้องแรก ราคาขายต่อวันนี้ก็ทำกำไรได้แล้ว แต่…จะรีบขายไปทำไมในเมื่อราคายังขึ้นได้อีก</p><p> “อาจเป็นเพราะเราเปิดก่อนโควิด ทำให้มีลูกค้าบางรายสนใจแต่บอกว่ารอซื้อตอนจบโครงการ หลักการของสโคป ผมไม่เคยลดราคา แต่จะขายถูกตอนแรก ผมเป็นดีเวลอปเปอร์มาตลอดชีวิต การทำธุรกิจอสังหาฯ ต้องให้ลูกค้ามั่นใจ เขาลงทุนกับเราแล้วเขาได้กำไร คำว่าเรียลเอสเตทภาษาผมคือการลงทุน ไม่ใช่การเก็งกำไร ลูกค้าซื้อได้ ปล่อยเช่าได้ นี่คือคอนเซ็ปต์การทำธุรกิจ เป็นสูตรธุรกิจสูตรเดียวของผมมาตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมา”</p><p> ไม่เพียงแต่ราคาต่อตารางเมตรเพิ่มจาก 4 แสนเป็น 6 แสนบาท มองในมุมมูลค่าโครงการก็ทวีมูลค่าขึ้นเช่นกัน จากวันแรกของการเปิดพรีเซลอยู่ที่ 7,800 ล้านบาท ปัจจุบันมูลค่าโครงการปรับเพิ่มเป็น 9,800 ล้านบาท อีกนิดเดียวมูลค่าโครงการก็จะแตะหมื่นล้านบาทแล้ว</p><p> สโคป 4 โครงการ 17,000 ล้าน</p><p> อัพเดตพอร์ตพัฒนาโครงการแบรนด์สโคป มี 4 โครงการด้วยกัน มูลค่ารวมขยับเพิ่มเป็น 17,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.สโคป หลังสวน มูลค่าโครงการ 9,800 ล้านบาท 2.สโคป พร้อมศรี มูลค่า 1,350 ล้านบาท 3.สโคป ทองหล่อ มูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการที่ 4 มูลค่า 3,000 ล้านบาท</p><p> “เรียลเอสเตทระดับลักเซอรี่ผมพูดมานาน สำหรับดีเวลอปเปอร์มีแต่ขาขึ้น แต่ต้องอยู่ในสมการของการลงทุน 3 ข้อหลัก คือ 1.โลเกชั่นต้องไม่พลาด 2.โปรดักต์ต้องไม่พลาด และ 3.บริหารจัดการต้องไม่พลาด ตัวอย่างเจอโควิดถ้าบริหารไม่ดียอดก็ตก นี่คือสโคปเราปรู๊ฟ 3 ข้อนี้มาตลอด ในระหว่างที่เจ้าของห้องชุดไม่ได้อยู่อาศัย ต้องปล่อยเช่าให้ได้”</p><p> ยกตัวอย่าง สโคป หลังสวน ห้องชุดเพนต์เฮาส์แพงสุดในโครงการ ทำสถิตินิวไฮในช่วงปลายปี 2566 ราคา 436 ล้านบาท แต่ถ้าซื้อชั้นปกติ เช่น ห้องชุด 1 ห้องนอน ราคา 40 กว่าล้าน ราคาปล่อยเช่าเดือนละ 1.8 แสนบาท ห้องชุด 2 ห้องนอน ปล่อยเช่า 3.8 แสนบาท ลูกค้าเช่าไม่ใช่ต่างชาติอีกต่างหาก เป็นลูกค้าคนไทยนี่แหละ</p><p> “ยีลด์ปัจจุบันค่าเช่าราคาตลาดได้ 5% ก็เก่งแล้ว เดิมเคยได้ 8% ตัวอย่าง สโคป หลังสวน ตอนแรกมีค่าเช่า 1.6 แสนก็ตื่นเต้นกันแล้ว ตอนนี้ขึ้นไป 1.8-1.9 แสน/เดือน แต่ก็มีเจ้าของห้องชุดให้เช่าไม่กี่คน จริง ๆ ห้องเพนต์เฮาส์ก็มีมาให้ผมเช่าเดือนละ 2 ล้าน (ยิ้ม)”</p><p> หากเปรียบเทียบกับรถยนต์ การซื้อคอนโดฯ สโคป หลังสวน เหมือนซื้อรถโรลส์รอยซ์ ไม่ต้องอธิบายเยอะ เข้าใจตรงกันว่าคือความหรูหราทั้งก้อน</p><p> “ลักเซอรี่” อิงราคาอินเตอร์</p><p> ชั่วโมงบินสูงของ “ยงยุทธ” ทำให้อ่านขาดว่า สโคป หลังสวน วางโพซิชันนิ่งจับตลาดห้องชุดลักเซอรี่ พฤติกรรมการซื้อคนไทยอาจอยู่แค่ 50-55 ล้านบาท เพราะคนกลัวเรื่องราคา วิธีคิดของสโคปกลับมามอง International Standard Price ห้องชุดต้องไซซ์นี้ กับราคาที่จ่าย 2 ล้านเหรียญ ไทป์ห้อง 2 ห้องนอน สามารถสร้างผลตอบรับที่ดี หลายคนบอกว่าคุณยงยุทธทำตลาดของไทยแล้วให้ฝรั่งมาซื้อ</p><p> “หลักการของผม เราขายลูกค้าคนไทยเป็นหลัก คนไทยที่เราขายก็เป็นคนไทยฝรั่ง ซื้อแล้วก็ชวนเพื่อนมาซื้อเพื่ออยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้กันอีก 6-7 ห้อง นั่นคือคนไทยอินเตอร์ ถามว่าทำไมอยู่ได้ ก็เพราะอยู่นิวยอร์กก็ไซซ์นี้ เราเห็นตลาดตรงนี้ มีดีมานด์ตรงนี้จริง ๆ พูดแบบเว่อร์ ๆ มีเด็กไทย (ลูกค้า Young Gen) อยู่ห้องชุดลักเซอรี่เป็นร้อย ๆ คน แต่น้อยคนที่จะมีคอนโดฯ อยู่หลังสวน เป็นสังคมที่คนรอบตัวมีคอนโดฯ เกือบ 100% ซื้อตั้งแต่ 10-20 ปีที่แล้ว เราจึงโฟกัสแตะทาร์เก็ตตรงนี้ และมีกำลังซื้อที่ซื้อได้จริง อย่ามองว่าขายลักเซอรี่แล้วใครจะซื้อ…”</p><p> คำถามคือ ลูกค้าลักเซอรี่ซื้อเพราะ Need (ความอยาก) หรือ Want (ความต้องการ)</p><p> “ผมไม่ชอบทำอะไรที่ฉาบฉวย ทำอะไรทำจริง Need เป็นเบสิก เช่น ลูกต้องแต่งงาน Want ทำให้โปรดักต์เราขายได้ มี Need เสร็จเราสร้าง Want ซื้อเพื่อการลงทุน เราทำโปรดักต์ให้เขาอยากซื้อ นั่นคือลูกค้าเป็นคนกำหนดเรา กำหนดทุกอย่าง แต่เราเลือกข้อกำหนดเขามาเท่าที่เราดีไซน์ได้ บางอย่างเราไม่จำเป็นต้องปล่อยหมด” คำกล่าวถึงหลักการพัฒนาโครงการของ CEO สโคป</p><p style="font-size:13px;">2/12/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 2 ธันวาคม 2567 )</p>