“แสนสิริ” โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ลงทุนคอนโดฯ 2.6 หมื่นล้าน

<p></p><p>แสนสิริเปิดแผนลงทุนคอนโดฯ 2.6 หมื่นล้านบาท มากสุดในวงการอสังหาฯ ปีมังกร ชู 8 กลยุทธ์รับมือได้ทุกโอกาส และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เจาะครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ลูกค้า Affordable จนถึงซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคาขายต่ำแสน-1 ล้าน/ตร.ม. ขานรับมาตรการรัฐเพิ่มพอร์ตคอนโดฯ BOI โหนกระแส Pet Parent ส่งคอนโดฯเลี้ยงสัตว์ได้ทั่วไทย</p><p> ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผ่านมาครึ่งทางของปี 2567 เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าค่ายแสนสิริประกาศแผนลงทุนคอนโดมิเนียมมากที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยจำนวน 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท เทียบกับอันดับ 2 ค่ายออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ลงทุนใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และอันดับ 3 ค่ายเอพี ไทยแลนด์ ที่วางแผนลงทุนใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 12,500 ล้านบาท</p><p> น่าสนใจว่าแสนสิริเดินหน้าลงทุนใหม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้มีการแข่งขันรุนแรงเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อผู้บริโภคอสังหาฯ โดยมีคาถาการทำธุรกิจผ่าน 8 กลยุทธ์ ที่ตกผลึกมาจากประสบการณ์สะสม 40 ปี ทำให้ผู้บริหารมั่นใจว่าสามารถรับมือได้ ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ</p><p> พอร์ตคอนโดฯสะสม 2.9 แสนล้าน</p><p> นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้แสนสิริครบรอบก่อตั้งปีที่ 40 ทำให้เป็นองค์กรที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจทุกรูปแบบ และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง</p><p> องอาจ สุวรรณกุล</p><p> โดยบทพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำในปีนี้ สะท้อนผ่านแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่มากที่สุดในวงการที่อยู่อาศัย จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 44% เทียบกับปีที่ผ่านมา</p><p> สำหรับพอร์ตคอนโดฯ สะสมพัฒนาแล้วเกือบ 200 โครงการ มูลค่ารวม 290,000 ล้านบาท มีการส่งมอบห้องชุดสะสม 81,000 ยูนิต นำเสนอแบรนด์คอนโดฯ 20 แบรนด์ ครบทุกเซ็กเมนต์และครบทุกโปรดักต์แนวสูง</p><p> ถัดมาบริษัทตั้งเป้ายอดขาย หรือพรีเซลคอนโดฯ 21,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน หรือยอดรับรู้รายได้ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าสามารถทำได้แน่นอน เพราะปีนี้มีพอร์ตโครงการเปิดขายและพร้อมโอน 14 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท</p><p> “โครงการแฟลกชิปแห่งแรกของแสนสิริคือบ้านไข่มุก ที่หัวหิน เป็นคอนโดฯติดชายหาด ปัจจุบันราคาเปลี่ยนมือขยับขึ้นไปถึง 1,000% เหตุผลหลักมาจากการดูแลด้านบริการหลังการขายที่ดี ทำให้บ้านไข่มุกยังมีแคปิตอลเกนที่ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับอีกหลากหลายโครงการของบริษัท”</p><p> ผนึกผู้รับเหมาเหนียวแน่น</p><p> น่าสนใจว่าความมั่นใจของแสนสิริที่ทำให้กล้าลงทุนถึง 26,000 ล้านบาทในปีนี้มีที่มาอย่างไร นายองอาจกล่าวว่า คีย์สำคัญยังเป็นโมเดลธุรกิจเลือกเฟ้นทำเลลงทุนที่เป็น Strategic Location รวมทั้งมี Strategic Partners หรือพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง</p><p> โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้รับเหมาที่สร้างคอนโดฯให้แสนสิริเกิน 10 ปี บางรายเกิน 20 ปี เป็นปัจจัยที่ทำให้แสนสิริยืนหนึ่งในตลาดคอนโดฯ เพราะมีผู้รับเหมาที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพก่อสร้างระดับสูงในตลาด เพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานแสนสิริ</p><p> 8 กลยุทธ์รับมือปัจจัยเสี่ยง</p><p> นอกจากนี้ แสนสิริมีกลยุทธ์ 8 ด้านในการลงทุนคอนโดฯ เพื่อเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ดังนี้</p><p> 1.สานต่อสินค้าซูเปอร์ลักเซอรี่ ล่าสุดมี Talk of the Town โครงการบนทำเลชิดลม แม้ยังไม่เปิดพรีเซล อยู่ในช่วงกำลังพัฒนาแบบและขออนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่ก็มีลูกค้าที่มีลอยัลตี้กับแบรนด์แสนสิริทำสัญญาจองซื้อเพนต์เฮาส์ยูนิตพิเศษที่มีฟังก์ชั่นสระว่ายน้ำด้วย มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการซื้อบนกระดาษโดยที่ยังไม่เห็นห้องตัวอย่าง</p><p> 2.การขยายคอนโดฯในต่างจังหวัด ทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวจำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน อีอีซี (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) และขอนแก่น จุดโฟกัสมีแฟกเตอร์ดีมานด์จากการเติบโตภาคท่องเที่ยว การค้าขาย ใกล้สถานศึกษา และแหล่งงาน รวมทั้งกำลังซื้อที่มีศักยภาพของคนท้องถิ่น</p><p> ไฮไลต์เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโซน New CBD ของภูเก็ตที่มีดีมานด์ซื้อจากลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปที่มีพฤติกรรมพักแบบลองสเตย์</p><p> 3.ปักหมุดสร้างคอนโดฯบนสุดยอดทำเลในเมืองของกรุงเทพฯ ที่มีดีมานด์แต่ไม่มีซัพพลายมาเติม เพราะมีข้อจำกัดที่ดินเปล่าในทำเลไม่มีเหลือแล้ว โดยนำเสนอผ่านแบรนด์ “Via” 3 ทำเลรวด ย่านสุขุมวิท ที่สุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท กับอีก 1 โครงการใหม่ถอดด้ามบนทำเลสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ</p><p> บุก Pets Welcome Condo</p><p> 4.ซีรีส์คอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้ภายใต้แคมเปญ Pets Welcome Condo รองรับกระแส Pet Parent ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกหลาน ซี่งแสนสิริประสบความสำเร็จมาแล้วจากคอนโดฯเดอะสแตนดาร์ด หัวหิน, เมคิน เฮาส์ เชียงใหม่, เดอะมูฟ สุขุมวิท 107, พินน์ ปรีดี 20</p><p> ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท โมเดลเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ ยูนิตไม่เยอะ ซึ่งแสนสิริให้ความสำคัญกับการดีไซน์รายละเอียด ทำให้ลูกค้า Pet Lover สามารถอยู่อาศัยได้ครบฟังก์ชั่น ตอบโจทย์การอยู่อาศัยกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก</p><p> 5.พลิกโฉมแบรนด์ “เดอะเบส” เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารู้จักมาอย่างยาวนาน พัฒนาแล้ว 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ในปีนี้เตรียมบุกเพิ่ม 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,700 ล้านบาท โดยการรีเซตไม่ใช่แค่ปรับปรุง แต่มีการขยายพื้นที่แปลนใหม่ หน้ากว้าง เพิ่มพื้นที่สีเขียว ดีไซน์ห้องแบบลอฟต์</p><p> เรื่องใหม่ปีนี้เตรียมเปิดขายเดอะเบส ที่เป็นครั้งแรกในการนำเสนอเป็นคอนโดฯเลี้ยงสัตว์ได้ 2 โครงการ ในจำนวนนี้มี “เดอะเบส ไรส์” แบรนด์เดอะเบสโครงการที่ 3 ในภูเก็ต มูลค่า 900 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต</p><p> ขานรับคอนโดฯ BOI 1.5 ล้าน</p><p> 6.ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ “ดีคอนโด” วางแผนเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท ควบคู่กับเตรียมโอน 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ โมเดลธุรกิจเป็นคอนโดฯ ที่มีฟาซิลิตี้ตอบสนองดีมานด์การซื้อคนในพื้นที่ ทั้งทำเลและการใช้ชีวิต ตัวอย่าง “ดีคอนโด เซนส์” บางแสน ชลบุรี อยู่ในโซนแคมปัสคอนโดฯ ทำเลไพรมใกล้ ม.บูรพา มูลค่า 880 ล้านบาท กับ “ดีคอนโด คาล์ม” รามคำแหง 10 มูลค่า 820 ล้านบาท</p><p> 7.เดินหน้าพัฒนาเซ็กเมนต์ Affordable Condo ต่อเนื่อง รองรับมาตรการรัฐที่สนับสนุนการลงทุนคอนโดฯ BOI ราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี-Vay” ทำเลอยู่ใกล้แหล่งงาน ใกล้นิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก วางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท</p><p> และ 8.ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปีแสนสิริ อสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ผู้นำด้านดีไซน์และคุณภาพการบริการ เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในการพักอาศัยให้กับลูกค้าทุกคน โดยเบื้องหลังการพัฒนาคอนโดฯ มีการบริหารจัดการซัพพลายเชน พันธมิตรธุรกิจระดับโปรเฟสชั่นนอลทุกรายละเอียด</p><p> “ในวงการคอนโดฯ ดีเวลอปเปอร์ระดับท็อป 5 ทำได้เหมือนกันหมด แต่จุดที่ทำให้แสนสิริมายืนอันดับหนึ่ง และอยู่นานถึง 40 ปี คือความโดดเด่นเรื่องการบริการที่เข้าใจการใช้ชีวิต เข้าใจไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงบริการหลังการขาย หรือการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด ที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น จนกระทั่งซื้อเพนต์เฮาส์เกือบ 500 ล้านบาท ซื้อเราในกระดาษ เป็นบทพิสูจน์ถึงกลยุทธ์ทั้ง 8 ด้านที่เรามี และทำให้เราแข็งแรงมากในตลาด” นายองอาจกล่าว</p><p style="font-size:13px;">16/6/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 16 มิถุนายน 2567 )</p>