บอร์ด EEC รับทราบแก้สัญญาไฮสปีด-อู่ตะเภาเมืองการบิน เร่งตอกเสาให้ทันปี’67

<p></p><p>บอร์ด EEC เผยความคืบหน้า 4 โครงสร้างพื้นฐานหลัก รับทราบแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ตามที่ ร.ฟ.ท.เสนอ ด้านสนามบินอู่ตะเภา-เมืองการบิน ประกาศเชิญชวนยื่นข้อเสนองานก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 ให้ได้ภายใน มิ.ย. 2567 พร้อมอนุมัติ (ร่าง) แผนสิ่งแวดล้อมอีอีซี</p><p> วันที่ 10 มิถุนายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ. หรือบอร์ด EEC) ครั้งที่ 3/2567 ว่า บอร์ด EEC ได้อนุมัติ (ร่าง) แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566-2570</p><p> ภูมิธรรม เวชยชัย</p><p> ซึ่งประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 คือ การจัดการของเสียและมลพิษสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำเสีย ของเสีย เฝ้าระวังการจัดการมลพิษจากแหล่งกำเนิดและในสิ่งแวดล้อมจำนวน 31 โครงการ อาทิ โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอยอำเภอแกลง</p><p> ยุทธศาสตร์ที่ 2 การอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษา และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เช่น การจัดการทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ที่ดิน การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนจำนวน 65 โครงการ อาทิ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแก้มลิงคลองบางไผ่ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำเกาะแสมสาร</p><p> ยุทธศาสตร์ที่ 3 การส่งเสริมการดำรงชีวิตและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติจำนวน 40 โครงการ อาทิ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบชายหาดบ้านอำเภอ จังหวัดชลบุรี โครงการขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC สนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ</p><p> ยุทธศาสตร์ที่ 4 การเสริมความเข้มแข็งแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาเครื่องมือและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการบริการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำนวน 54 โครงการ อาทิ โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาดสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น จากนี้สำนักงาน EEC จะต้องนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป</p><p> นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า สำหรับความก้าวหน้าโครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน (PPP) นั้น ที่ประชุมได้รับทราบโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และเอกชนคู่สัญญาตกลงรับมอบพื้นที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ</p><p> และเจรจาหลักการแก้ไขปัญหาโครงการจากผลกระทบโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ข้อยุติแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอ กพอ. (บอร์ด EEC) พิจารณา เพื่อเสนอให้ ครม.ทบทวนหลักการ PPP ตามมติ ครม.ที่อนุมัติโครงการไว้ เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2561 คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ภายในเดือน ก.ค. 2567 จากนั้น ร.ฟ.ท.และเอกชนคู่สัญญาจะเจรจาร่างสัญญาแก้ไข เพื่อส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจ และส่ง กพอ. และ ครม.เห็นชอบ และเริ่มงานก่อสร้างภายในธันวาคม 2567</p><p> ทั้งนี้ หลักการแก้ไขปัญหาจะอยู่บนพื้นฐานความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน เป็นธรรมต่อคู่สัญญา รัฐไม่เสียประโยชน์ และเอกชนไม่ได้ประโยชน์เกินควร มีหลักการที่สำคัญ ได้แก่ การแก้ไขวิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ (PIC)</p><p> โดยรัฐจะเริ่มลงทุนเร็วขึ้นตามระยะเวลาความแล้วเสร็จของงาน และเอกชนตกลงวางหลักประกัน (Bank Guarantee) เต็มจำนวน ค่าก่อสร้าง และการแก้ไขวิธีการชำระค่าสิทธิโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) เอกชนแบ่งชำระ 7 งวด โดย ร.ฟ.ท.ยังคงได้รับค่าสิทธิครบจำนวน 10,671.09 ล้านบาท เอกชนรับภาระดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายทางการเงินส่วนที่เกินทั้งสิ้น</p><p> โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ความก้าวหน้าในส่วนภาครัฐ กองทัพเรือได้ออกประกาศเชิญชวนยื่นข้อเสนองานจ้างก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับสนามบินอู่ตะเภาเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าจะพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคได้ภายในเดือน มิ.ย. 2567 และก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2571 ด้านงานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น</p><p> มีความก้าวหน้าภาพรวม 26.32% โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีความก้าวหน้ากว่า 94.85% งานด้านระบบบริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานมีความก้าวหน้ารวม 47.38% งานด้านประปาและบำบัดน้ำเสียมีความก้าวหน้ารวม 97.62% เป็นต้น ในส่วนการประสานแจ้งให้เอกชนเริ่มก่อสร้างโครงการ (NTP) คาดว่าจะสามารถแจ้ง NTP ได้ภายในปี 2567 นี้ ทั้งนี้ คาดว่าสนามบินอู่ตะเภาจะเปิดให้บริการภายในปี 2572</p><p> โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F งานก่อสร้างทางทะเล มีความก้าวหน้าในภาพรวม 29.02% โดยพื้นที่ถมทะเล 1 และ 2 ได้ดำเนินการถมแล้วเสร็จ ส่วนพื้นที่ถมทะเล 3 อยู่ระหว่างดำเนินการถม คาดว่าจะเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือ F1 ได้ภายในปี 2570</p><p> โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวม</p><p> มีความก้าวหน้า 80.93% งานด้านถมทะเล พื้นที่แปลง LNG Plot (แปลง B) และพื้นที่ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (แปลง C) ดำเนินการถมแล้วเสร็จ ส่วนพื้นที่ท่าเรือสินค้าเหลว (แปลง A) มีความก้าวหน้า 30.95% โดยท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570</p><p style="font-size:13px;">10/6/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 10 มิถุนายน 2567 )</p>