ข่าวล่าสุด: กฟผ. เปิดขายของประมูลโซลาร์เซลล์ล็อตใหม่ เมื่อวันที่ 15 เมษายน...
KENSETSU
Construction Industry News 10 January 2025 นาทีในการอ่าน

ธุรกิจรับสร้างบ้านปาดเหงื่อ หดตัวแรง -20% เหลือ 1.2-1.3 แสนล้าน

3381 Views 276 125
แชร์:
ธุรกิจรับสร้างบ้านปาดเหงื่อ หดตัวแรง -20% เหลือ 1.2-1.3 แสนล้าน

ธุรกิจรับสร้างบ้านปาดเหงื่อ หดตัวแรง -20% เหลือ 1.2-1.3 แสนล้าน

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) ซึ่งเป็นสมาคมที่เน้นสมาชิกบริษัทรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ประเมินปริมาณและมูลค่า “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศปี 2567 (ไม่ใช่บ้านจัดสรร) คาดปรับตัวลดลง -20% นับว่าลดแรงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

นายสิทธิพร สุวรรณสุต กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ปริมาณบ้านสร้างเองเมื่อปี 2566 มีมูลค่า 172,000 ล้านบาท แต่ในปี 2567 คาดว่ามูลค่าลดลงเหลือ 131,000 ล้านบาทเศษ หรือลดลง 41,000 ล้านบาทเศษ คิดเป็น 24% โดยเป็นผลมาจาก 5 สาเหตุหลัก ๆ ประกอบด้วย 1.ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า 2.ปัญหาหนี้ครัวเรือน 3.ธนาคารเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ 4.ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้น และ 5.กำลังซื้อผู้บริโภคค่อนข้างซบเซา

สำหรับสัดส่วนมูลค่าตลาด “รับสร้างบ้าน” ทั่วประเทศปี 2567 พบว่าตัวเลขปรับตัวลดลงเช่นกัน (กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านหรือศูนย์รับสร้างบ้าน) โดยเมื่อปี 2566 ตลาดรับสร้างบ้านมีมูลค่า 18,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2567 มูลค่าตลาดปรับตัวลดลงเหลือ 14,500 ล้านบาท หรือลดลง 20%

สำหรับสัดส่วนมูลค่าตลาดที่ลดลงมากที่สุด (ตามลำดับ) แยกตามภูมิภาค 3 ลำดับแรก 1) รับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 2) รับสร้างบ้านพื้นที่ภาคเหนือ และ 3) รับสร้างบ้านพื้นที่ภาคใต้ โดยสมาคมฯ ประเมินว่าสมาชิกธุรกิจรับสร้างบ้านจาก 2 สมาคม (ส.ไทยรับสร้างบ้าน และ ส.ธุรกิจรับสร้างบ้าน) มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 9,800-10,000 ล้านบาทเศษ หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้าน และคิดเป็น 8% ของมูลค่าตลาดรวมบ้านสร้างเอง

ในปี 2568 สมาคมฯ คาดการณ์ปริมาณและมูลค่า “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศ มีแนวโน้มทรงตัวหรือใกล้เคียง เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567 ที่ผ่านมา คาดว่าบ้านสร้างเองมีมูลค่า 120,000-130,000 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญ ๆ ที่ทำให้บ้านสร้างเองยังไม่อาจฟื้นตัวยังคงวนเวียนอยู่กับปัจจัยเดิม ๆ คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน เศรษฐกิจประเทศที่ฟื้นตัวช้าหรือชะลอตัว และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง ในส่วนของปัจจัยบวกที่อาจจะประคองมิให้ปริมาณบ้านสร้างเองลดลงไปมากกว่านี้ ได้แก่ ต้นทุนวัสดุและราคาบ้านที่ยังทรงตัวหรือราคาไม่สูงขึ้น (เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา)

ทั้งนี้ในส่วนของปริมาณและมูลค่าตลาด “รับสร้างบ้าน” ในปี 2568 มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คาดการณ์มูลค่าตลาดประมาณ 14,000-15,000 ล้านบาทเศษ โดยสมาคมฯ คาดว่าสมาชิก 2 สมาคมจะมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้าน 70% (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย) หรือคิดเป็นมูลค่า 10,000-10,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงแข่งขันกันสูงมาก ทั้งตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด (Red Ocean) ดังนั้นหากผู้ประกอบการไม่มีการปรับตัวใด ๆ ก็คงแข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือต้องออกจากธุรกิจนี้ไป

“มองย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อนหรือในช่วงปี 2546-2547 ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเกือบทั้งหมดแข่งขันกันกระจุกตัวอยู่เฉพาะใน

เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล (ไม่นับรวมผู้รับเหมาทั่วไป) โดยตลาดรวมรับสร้างบ้านมีมูลค่า 5,500-6,000 ล้านบาทเศษ ราคาค่าก่อสร้างบ้านโดยเฉลี่ย 7,000-9,000 บาทเศษ/ตารางเมตร

ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านชัดเจนว่ามีการแข่งขันกันรุนแรงมาก หรืออาจเรียกได้ว่าตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯเป็นเรดโอเชียน (Red Ocean) กระทั่งทำให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำบางรายต้องปรับตัว เพื่อหนีการแข่งขันที่รุนแรงออกไปบุกเบิกตลาดรับสร้างบ้านในภูมิภาคหรือต่างจังหวัดแทน ในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ (Blue Ocean) และเวลาต่อมาผู้ประกอบการรายอื่นในเขตกรุงเทพฯ ต่างก็เริ่มขยายสาขาออกไปในต่างจังหวัดบ้างเช่นกัน พร้อม ๆ กับการเกิดขึ้นของผู้ประกอบการรายใหม่ในทุกจังหวัดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน”

นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน และรองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะเศรษฐกิจในประเทศตลอดปี 2567 ฟื้นตัวช้าและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้ความต้องการสร้างบ้านและใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านของผู้บริโภคลดลง ซึ่งสวนทางกับจำนวนผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายใหม่-รายเก่าที่เพิ่มขึ้น

โดยพบว่ามีจำนวนผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน แข่งขันกันอยู่ในภูมิภาคจังหวัดละไม่น้อยกว่า 15-30 ราย ส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านมีการแข่งขันกันสูงมาก โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในภูมิภาคที่เป็นจังหวัดหัวเมืองหลัก อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต ฯลฯ อาจสะท้อนได้ว่าตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด ณ ปัจจุบันกลายเป็นเรดโอเชียน (Red Ocean) แทบไม่ต่างอะไรกับตลาดรับสร้างบ้านพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในอดีตที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แม้มูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านจะสูงขึ้นเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับ 20 ปีที่แล้ว หากเป็นการเติบโตในแง่ของค่าก่อสร้างต่อหน่วยหรือมูลค่าต่อหน่วยสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากต้นทุนวัสดุและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด แต่ในแง่ของปริมาณหรือจำนวนหน่วยตลาดรับสร้างบ้านกลับขยายตัวน้อยกว่า ซึ่งนับเป็นข้อจำกัดของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มจำนวนหน่วยก่อสร้างต่อปีได้มากขึ้น

โดยสาเหตุที่สำคัญคือ 1) ขาดการพัฒนาองค์ความรู้และบริหารธุรกิจให้ทันสมัย 2) ขาดการนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้พัฒนากระบวนการก่อสร้างและสร้างมูลค่าเพิ่ม และ 3) ไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์อย่างจริงจังและชัดเจน

“หากกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านต้องการจะเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งจากมูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง 120,000-130,000 ล้านบาทเศษ ในปี 2568 และปีต่อ ๆ ไปให้ได้มากกว่า 8% บรรดาผู้ประกอบการและกลุ่มผู้นำธุรกิจก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ในกระบวนการก่อสร้างและสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อจะพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจและลบข้อจำกัดที่มี พร้อม ๆ กับเปลี่ยนมาแข่งขันกันในเชิงคุณภาพมากกว่าแข่งขันราคา ควรสร้างจุดเด่นหรือจุดขายของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคยอมรับและไว้วางใจ”

8/1/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 8 มกราคม 2568 )

Tags

การก่อสร้าง News อุตสาหกรรม ประเทศไทย
แชร์บทความนี้:

Comments (3)

แสดงความคิดเห็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวสารอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เร่งเมกะโปรเจ็กต์รัฐนครพนม เชื่อมสนามบินสะหวันนะเขต-ปรับปรุงถนน R12
กำลังฮิต

เร่งเมกะโปรเจ็กต์รัฐนครพนม เชื่อมสนามบินสะหวันนะเขต-ปรับปรุงถนน R12

<p></p><p>ในส่วนของกระทรวงคมนาคม นำโดยเจ้ากระทรวง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว...

19/05/2025 Read More →

เพิ่มเพื่อนไลน์เรา

รับข่าวสารและข้อมูลก่อสร้างล่าสุดผ่านไลน์ อัปเดตทุกวัน ฟรี!

ข่าวสารทันที ไม่พลาดความเคลื่อนไหว
เนื้อหาพิเศษเฉพาะสมาชิกไลน์
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
ดาวน์โหลดเอกสารฟรี

บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเลิกได้ตลอดเวลา

สแกน QR Code

LINE QR Code

เปิดแอป LINE แล้วสแกน QR Code
หรือค้นหา ID: @KENSETSU

LINE ID:

@KENSETSU
1

เปิดแอป LINE

2

สแกน QR Code

3

เพิ่มเพื่อน

ผู้ติดตามไลน์
24/7
บริการตลอดเวลา
อัปเดตต่อวัน
100%
ฟรี