WHA ทุ่มงบ 2.5 หมื่นล้าน ปั้นนิคมสมาร์ท-กรีน ดึงนักลงทุน

<p></p><p>WHA ทุ่มงบฯลงทุน 2.5 หมื่นล้าน ตอบโจทย์ความยั่งยืน ชูกรีนโลจิสติกส์ นิคมสมาร์ท ส่ง Mobilix บริการอีวีฟลีตครบวงจร พร้อมอัพกำลังการผลิตพลังงานสะอาด ปี’67 ทะลุ 450 MW-รีไซเคิลน้ำเสีย พร้อมบุกแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต เป้าหมายสู่ Net Zero ปี 2050</p><p> นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “WHA Group” เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่มงบฯการลงทุนในแผนการลงทุน ปี 2567 อีก 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ทั้งหมด 20,000 ล้านบาท รวมเป็น 25,000 ล้านบาท โดยจัดสรรงบฯมากกว่า 50% นำไปลงทุนเพิ่มเรื่องความยั่งยืน (Sustain)</p><p> โดยเฉพาะในส่วนบริษัท โมบิลิกส์ จำกัด (Mobilix) จะให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรตั้งแต่การจัดหา EV Fleet บริการหลังการขาย การจัดเตรียมหาพลังงานสะอาด การจัดทำโมบิลิตี้แพลตฟอร์มชาร์จ การหาโซลูชั่นควบคุม เป็นต้น รวม 5,000 ล้านบาท</p><p> ทั้งยังมีการลงทุนด้านน้ำ และพลังงานโซลาร์ ซึ่งจัดอยู่ในส่วนของธุรกิจด้านสาธารณูปโภค WHAUP ประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อการสร้างความยั่งยืนด้านน้ำและพลังงาน รวมเป็นเงิน 13,000 ส่วนที่เหลืออีก 12,000 ล้านบาทจะเป็นการลงทุนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการการพัฒนากรีนโลจิสติกส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050</p><p> ยั่งยืน คือ A Must</p><p> นางสาวจรีพรย้ำว่า ปัจจุบันเรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นทางรอดของโลก แต่ก่อนเราพูดแค่โลกร้อน แต่ตอนนี้โลกเดือดแล้ว WHA Groupสนใจเรื่องนี้ เพราะธุรกิจเราอาจจะมีส่วนทำให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมก็ได้ ดังนั้นการพัฒนานิคมก็ต้องดูแลทั้งหมด ความรับผิดชอบของ WHA คือจะทำอย่างไรให้สิ่งแวดล้อมไม่กระทบ เราจึงสนใจเรื่องนี้มาก เรื่อง ESG อยู่ในดีเอ็นเอ</p><p> “ไทยดึงการลงทุนจากต่างชาติมาได้เยอะมาก แต่เราจำเป็นต้องพัฒนาและลงทุน Sustain เป็น A Must ทุกคนต้องมาช่วยกัน วางกลยุทธ์ซึ่ง WHA เราดูตั้งแต่เลือกพื้นที่เลยว่าพื้นที่นั้นเคยเป็นอะไรมาก่อน เช่น เป็นหลุมฝังกลบขยะหรือไม่ และเราดูเส้นทางน้ำ นิคมจะต้องไม่ขวางทางน้ำ ทำให้นิคม WHA ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 70 แห่ง ไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน ทั้งยังต้องสร้างบ่อหน่วงน้ำไม่ให้กระทบพื้นที่ชาวบ้าน รวมถึงการนำเอาน้ำเสียมารีไซเคิล ซีโร่เวสต์ เรื่องมลพิษทางอากาศ ทาง WHA ให้ความสำคัญมาก ไม่ใช่แค่การตรวจสอบการปล่อยควันดำ ทาง WHA ยังได้ลงทุนติดตั้งระบบวัดค่ามลพิษอากาศ การวัดค่าฝุ่นละอองในนิคม เป็นต้น”</p><p> ขณะเดียวกัน WHA ได้มีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) โดยมีการพัฒนา 6 พิลลาร์สมาร์ท คือ สมาร์ทเซอร์วิส สมาร์ทโมบิลิตี้ สมาร์ทคอมมิวนิเคชั่น สมาร์ทพาวเวอร์ สมาร์ทซีเคียวริตี้ และสมาร์ทบอร์เดอร์ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้า</p><p> ไฮไลต์ เป้าหมายในปี 2024</p><p> สำหรับเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนในปี 2567 จะเน้นไปที่การวางระบบกรีนโลจิสติกส์ โดยเฉพาะธุรกิจโมบิลิกส์จะขยายการให้บริการด้านอีวีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดปีแรกมี 25 คัน เพิ่มเป็น 1,000 คัน เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 14,400 ตันคาร์บอน/ปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1.6 ล้านตัน</p><p> “เรื่องกรีนโลจิสติกส์ตอนนี้ ประโยชน์ที่ได้รับไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ลูกค้า แต่ยังเป็นการช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศด้วย”</p><p> เรื่องการลดการใช้น้ำ 8,285,000 ลบ.ม./ปี ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนน้ำดิบ 96 ล้านบาทต่อปี เทียบกับการใช้น้ำของคน 2.26 แสนคน และการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ จากการพัฒนาแอปพลิเคชั่น ทำให้คนในชุมชนมากกว่า 2 แสนคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลได้ เพิ่มการเข้าถึงระบบการดูแลสุขภาพ 30% ซึ่งจะช่วยลดค่ารักษาพยาบาลและสุขภาพได้ 10%</p><p> ในระยะยาว บริษัทวางไว้ปี (2027) 2570 ในการสร้างแนวทางการฟื้นน้ำอย่างยั่งยืนโดยผ่านหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เปลี่ยนน้ำเสียในอุตสาหกรรมเป็นน้ำรีไซเคิล โดยมีเป้าหมายลดการใช้น้ำเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ลดได้ 7,257,718 ลบ.ม./ปี ประหยัดได้ 84 ล้านบาทต่อปี เทียบเท่ากับประชากร 198,814 คน จะเพิ่มเป็น 21,000,000 ลบ.ม.ต่อปี ประหยัดได้ 242 ล้านบาทต่อปี หรือเทียบเท่ากับการใช้น้ำของประชากร 575,340 คน ในปี 2570</p><p> เปิด 3 โครงการ Circular</p><p> นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจัดทำโครงการ Circularity 3 โครงการใหญ่ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรของโลก ประกอบด้วย WHA Circular Innovation ซึ่งเป็นมาสเตอร์แพลน สำหรับทั้งองค์กรในการก้าวสู่ Net Zero ในปี 2050 โดยวางแนวทางในระยะสั้น-กลาง-ยาว จะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เช่น ต่อไปศูนย์โลจิสติกส์ทุกแห่งของ WHA จะใช้วัสดุรียูส เรื่องน้ำต้องการใช้โดยการนำทรัพยากรกลับมาใช้เพิ่มขึ้น ประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม. การเพิ่มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 25% ในพอร์ตธุรกิจของเราเอง เป็นต้น</p><p> ส่วนโครงการ WHA Circular-Waste Management เป็นโครงการที่ริเริ่มมาด้วยแนวคิดว่าการจะทำให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริงจะต้องสามารถพัฒนาเป็นธุรกิจที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง เช่น ของเหลือจากโรงงานหนึ่งอาจจะเป็นวัตถุดิบของอีกโรงงานหนึ่ง ในแต่ละปีมีขยะอยู่เกือบ 5 แสนตัน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการที่เราสามารถนำใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิต จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งเราเริ่มทำโครงการนำร่องเรื่องการบริหารจัดการขยะขึ้นมาแล้ว</p><p> และโครงการ WHA Emission Trading ที่จะทำเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมีการพัฒนาแพลตฟอร์มต่อยอดมาจากเดิม Peer to Peer Trading เพื่อซื้อขายคาร์บอนเครดิต นำมาใช้ซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งแต่ละปีเราทำได้ 2 แสนตันคาร์บอน ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะมาช่วยหลายด้านทั้งแมตชิ่ง เคาน์ติ้ง เป็นต้น และเป้าหมายเราไม่ใช่ขยายเพิ่มจำนวนการซื้อขาย แต่กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อจะขยายไปยังกลุ่มพันธมิตร Third Party ด้วย</p><p> เปิดตัวห้องปฏิบัติการยูโอซี</p><p> นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า WHA จัดทำระบบห้องปฏิบัติการ UOC (Unified Operation Center) ที่อาคาร WHA Tower เพื่อมอนิเตอร์ทั้งระบบการปล่อยมลพิษในอากาศ และระบบน้ำอุตสาหกรรมรวมถึงระบบรีไซเคิลน้ำ ซึ่งมีปริมาณ 7 ล้าน ลบ.ม. เท่ากับการใช้ของคน 2 แสนคน เพื่อลดการพึ่งพาน้ำธรรมชาติ และมีเป้าหมายลดการปล่อยน้ำเสียออกจากนิคมให้กลายเป็นศูนย์</p><p> อีกส่วนจะมีการดูแลระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ ซึ่งเราทำทั้งโซลาร์รูฟท็อป และโซลาร์ฟาร์มกว่า 100 โครงการทั่วประเทศ ก็จะมอนิเตอร์ได้ว่าแต่ละแพลนต์มีปัญหาหรือไม่อย่างไร เพื่อคาดการณ์การผลิตว่าเราผลิตได้เต็มประสิทธิภาพอย่างที่ลงทุนไปหรือไม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการผลิตอยู่ที่ 97-99% ซึ่งหากเกิดปัญหาก็สามารถแก้ไขได้ทันทีในแต่ละแผง และยังสามารถติดตามดูการให้บริการ Mobilix ซึ่งมี 5 สถานี 30 หัวชาร์จว่ามีการใช้บริการหรือไม่อย่างไร และในระบบมีปัญหาหรือไม่</p><p> “ภาพรวมของ UP ปีนี้จะรักษาระดับการเติบโตเท่ากับปีก่อน โดยบริษัทมีแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าจาก 311 เป็น 450 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่เป็นโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งตอนนี้มีการผลิตให้สหฟาร์มไปแล้วต้นปีประมาณ 50 เมกะวัตต์ และยังมีโปรเจ็กต์อยู่ระหว่างดีลในไทยและต่างประเทศอีกด้วย</p><p style="font-size:13px;">9/6/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 9 มิถุนายน 2567 )</p>