One Bangkok พลิกโฉมอสังหาฯ ไทย สร้างโมเดล Green Smart City ตอบโจทย์ความยั่งยืน

<p></p><p>เปิดเส้นทางการเดินทางสู่ The Heart of Bangkok หรือ เมืองกลางใจ ของ “วัน แบงค็อก” ด้วยการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ ให้มากขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ของการใช้ชีวิต สร้างแรงบันดาลใจด้วยงานศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน</p><p> ทั้งนี้ “วัน แบงค็อก” ถือเป็นต้นแบบโครงการอสังหาริมทรัพย์ ‘Green Smart City’ ที่ครบครันใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งพัฒนาโดย บริษัท ทีซีซีแอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมด้วย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่พร้อมเดินหน้าพลิกโฉมประวัติศาสตร์วงการอสังหาริมทรัพย์เต็มพิกัด และผลักดันกรุงเทพฯ ให้ก้าวสู่การเป็น “The New Influential Global City” ยกระดับภาพลักษณ์ด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้โดดเด่นบนเวทีโลก</p><p> ล่าสุด วัน แบงค็อก ได้ร่วมสนับสนุนงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ที่จัดระหว่างวันที่ 27 กันยายน – 6 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ ‘Green Smart City’ ของไทย</p><p> ภายในงาน พบกับ นิทรรศการ One Bangkok Experiential Pavilion ที่ใช้เทคนิค 360 degree Projection Mapping Theatre นำเสนอแนวคิด Better Quality of Life in One Bangkok มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตแบบองค์รวม ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ภายในโครงการที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ทั้ง Physical Vitality มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับทุกคน และ Mental &amp; Social Rejuvenation เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีด้านสังคม-จิตใจ ด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะเปิดโล่งทั่วทั้งโครงการ</p><p> ไปจนถึง Safe &amp; Secure Environment ใส่ใจดูแลความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ รวมถึงผู้พักอาศัยภายในโครงการตลอด 24 ชั่วโมง</p><p> จากซ้ายไปขวา คุณเข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, คุณปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด, คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ คุณอาลิซาเบธ แซดเลอร์ ลีนานุไชย ผู้ดำเนินการเสวนา</p><p> ไม่เพียงเท่านั้น วัน แบงค็อก ยังจัดเวทีเสวนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟใน 2 หัวข้อ “Pathways to a Sustainable Urban Future เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน” และ “Time to CHANGE: Shaping Bangkok’s Future เปลี่ยนวันนี้ เพื่ออนาคตกรุงเทพฯ ที่ยั่งยืน” ซึ่งจะเป็นการเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยเน้นหลักการพัฒนาที่มี “ผู้คน” เป็นศูนย์กลาง เพื่อมุ่งสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนให้แก่ชาวกรุงเทพฯ</p><p> เปิดเส้นทางสู่ ‘อนาคตเมืองที่ยั่งยืน’</p><p> ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด เผยมุมมองเชิงลึกต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ว่า</p><p> การพัฒนาจำเป็นต้องบูรณาการโดยให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพกายและใจให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “เมืองสุขภาพดี” ของกระทรวงสาธารณสุข และแผนพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน</p><p> โดยมี วัน แบงค็อก ซึ่งเป็นโครงการ Mixed-use Development ที่ผสานรวมพื้นที่หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก โรงแรม และพื้นที่สาธารณะ แนวทางนี้ช่วยให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ส่งผลให้เมืองมีความน่าอยู่และมีพลวัตมากขึ้น</p><p> ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (ด้านซ้าย) และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ด้านขวา)</p><p> สำหรับมาตรฐานใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘วัน แบงค็อก’ โครงการขนาดใหญ่ใจกลางเมืองบนพื้นที่ 108 ไร่ และพื้นที่ใช้สอย 1.98 ล้านตารางเมตร เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน อำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคม รวมถึงมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางศิลปะ-วัฒนธรรม ที่สำคัญเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการ ที่ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมืองของกรุงเทพฯ</p><p> “ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นพัฒนา 7 โครงการ mixed-use บนถนนพระราม 4 บนสายรถไฟฟ้า 5 สถานี ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ เหล่านี้จะเสริมกับจุดเชื่อมสาธารณูปโภคของรัฐ ช่วยลดปัญหาจราจร</p><p> และเพิ่มคุณภาพชีวิตของคน โดยเน้นให้พื้นที่ของเราเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองที่ผู้คนสามารถเข้าถึงทุกสิ่งที่ต้องการได้ภายใน 15 นาที สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ปลอดโล่งกว่า 80,000 ตารางเมตร ในใจกลาง วัน แบงค็อก ซึ่งเป็นตัวอย่างของพื้นที่ที่เข้าถึงได้ง่าย และมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอกโครงการอย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว”</p><p> ปณต กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียว 7.8 ตารางเมตรต่อคน หากเทียบกับหลักเกณฑ์สำหรับเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี องค์การอนามัยโลก(World Health Organization: WHO) ระบุว่า ประชาชน 1 คน ควรมีพื้นที่สีเขียวอยู่ที่ 9 ตารางเมตร ดังนั้น จึงมุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เนื่องจากช่วยลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว ซึ่งส่งผลต่อการลดปัญหาการจราจรติดขัด มลภาวะทางอากาศ รวมทั้งส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม เช่น การจัดสรรพื้นที่สำหรับการจัดแสดงงานศิลปะ เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่และมีชีวิตชีวา</p><p> “สำหรับงาน SX 2024 ทั้ง 4 โซน ไม่ว่าจะเป็น BETTER ME, BETTER LIVING, BETTER COMMUNITY และ BETTER WORLD ถือเป็นความตั้งใจที่จะช่วยกระจายความคิดสู่สาธารณชน โดยเฉพาะเยาวชน ตลอดจนการวางโครงสร้างด้านความรู้และความยั่งยืนเข้าสู่ทุกภาคส่วน อีกทั้งยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้ต่อยอด พร้อมเชื่อมโยงกับนโยบายของกรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับแนวโน้มของการออกแบบอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่ใช่เป็นการออกแบบออกแบบของ หิน เหล็ก ปูน ทว่าต้องพัฒนาพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน รวมถึงสิ่งนั้นต้องตอบสนองและเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น”</p><p> ตอกย้ำต้นแบบ Green Smart City</p><p> ณัฐนี วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า โครงการ วัน แบงค็อก เป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยมาตรฐาน LEED for Neighborhood Development ระดับแพลตตินัม รวมถึงมาตรฐาน WiredScore และ SmartScore ในระดับแพลตตินัมเช่นเดียวกัน ทั้งยังมุ่งสู่การรับรองโดยมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย-ผู้ใช้บริการ</p><p> ณัฐนี วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน โครงการ วัน แบงค็อก</p><p> สำหรับ วัน แบงค็อก นับเป็นเมืองต้นแบบแห่งอนาคตที่พร้อมด้วยนวัตกรรม-เทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างสุขอนามัยที่ดี และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น Physical Vitality มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับทุกคน อาทิ การออกแบบทางเดินเท้าที่สามารถเดินทั่วทั้งโครงการภายใน 15 นาที ด้วยระยะทางเดินยาวต่อเนื่อง 5 กิโลเมตร โอบล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เรียงรายยาว 2.6 กิโลเมตร ให้ทุกคนได้เดินเล่นพักผ่อนได้อย่างสบายใจ อาคารต่างๆ ภายในโครงการเปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ พร้อมระบบปรับแสงสว่างอัตโนมัติ รวมถึงระบบกรองอากาศและฆ่าเชื้อประสิทธิภาพสูงเพื่ออากาศที่สะอาด ตลอดจนระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอกโครงการ</p><p> เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีด้านสังคม-จิตใจ ด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะเปิดโล่งทั่วทั้งโครงการรวมกันกว่า 50 ไร่ อีกทั้งเอื้อต่อการสร้างสรรค์กิจกรรมสันทนาการต่างๆทางสังคมและชุมชน นอกจากนี้ยังเสริมสร้างสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิต ด้วย Art Loop ศูนย์รวมผลงานและโปรแกรมทางศิลปะและวัฒนธรรมระดับโลกรอบโครงการความยาวกว่า 2 กิโลเมตร เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน</p><p> ใส่ใจดูแลความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ-ผู้พักอาศัยภายในโครงการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย District Command Center</p><p> ศูนย์บัญชาการกลางที่ควบคุมบริหารจัดการระบบต่างๆ และดูแลความปลอดภัยภายในโครงการ ด้วยเซนเซอร์อัจฉริยะกว่า 250,000 ตัว เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนั้นยังออกแบบพื้นที่ตามมาตรฐานสากล รวมถึงการออกแบบป้ายและสัญลักษณ์นำทางที่เข้าใจง่ายทั่วโครงการ</p><p> จากซ้ายไปขวา ดร. พร้อม อุดมเดช ผู้อํานวยการสํานักงานบริหารหลักสูตรสถาปัตยกรรมสหวิทยาการนานาชาติ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL), รองศาสตราจารย์ ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คุณวรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการ วัน แบงค็อก และ คุณศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย)</p><p> ขณะที่ วรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการวัน แบงค็อก เผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นตัวเร่งให้ทุกภาคส่วนหันมาสน ‘ความยั่งยืน’ จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ไม่จำกัดเพียงภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เนื่องด้วยมีปัจจัยสำคัญ คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งภาคอสังหาฯ ตั้งแต่เรื่องการก่อสร้าง การใช้งานอาคาร และมีระยะเวลาการใช้งานยาวนาน ส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องคำนึงและสร้างแนวทางแก้ไข</p><p> อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาการพัฒนาโครงการฯ มุ่งให้ความสำคัญเรื่องของ ‘คน’ เป็นศูนย์กลางการพัฒนา ผนวกกับความยั่งยืน และ Smart City ที่เข้ามาเสริมคุณภาพชีวิต และช่วยในการดูแลสิ่งต่างๆ พร้อมอำนวยสะดวกสบายมากขึ้น จวบจนปัจจุบัน โครงการฯ มีสัญญาเช่าสีเขียว หรือ Green Lease ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน พร้อมเดินหน้าไปสู่โลกแห่งความยั่งยืน โดยมีภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเริ่มเข้าเซ็นสัญญา เช่น บริษัท เบเคอร์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็นสำนักงานกฎหมายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน</p><p> “การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกรุงเทพฯ ไม่ได้หมายถึงเพียงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังต้องมุ่งสู่การสร้างความยั่งยืนและความยืดหยุ่นให้กับเมืองอย่างแท้จริง การวางผังเมืองในอนาคตจำเป็นต้องคำนึงถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างมีประสิทธิภาพ การยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างให้ทันสมัย การออกแบบอาคารที่ประหยัดพลังงาน และการเชื่อมโยงโครงข่ายเมืองอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” วรวรรต ทิ้งท้าย</p><p> ร่วมสัมผัสประสบการณ์ในการสร้างสรรค์เมืองแห่งความยั่งยืนในงาน Sustainability Expo 2024 ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 6 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โซน Better Community บริเวณฮอลล์ 4 ชั้น G และเตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ “วัน แบงค็อก” ได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2567</p><p style="font-size:13px;">4/10/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 ตุลาคม 2567 )</p>